ดัชนีดาวโจนส์ล่วงหน้าร่วงลงเกือบ 300 จุดในวันนี้ บ่งชี้ว่าตลาดหุ้นวอลล์สตรีทจะทรุดตัวลงในคืนนี้ ขณะที่นักลงทุนมีความวิตกกังวลต่อการพุ่งขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ ซึ่งจะกระทบต่อผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียน
ณ เวลา 17.41 น.ตามเวลาไทย ดัชนีดาวโจนส์ล่วงหน้าลบ 271 จุด หรือ 1.04% สู่ระดับ 25,901 จุด
อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐประเภทอายุ 30 ปีพุ่งขึ้นเหนือระดับ 3% ในวันนี้ ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนพ.ค.ปีที่แล้ว ขานรับแนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐที่แข็งแกร่ง
นอกจากนี้ อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลประเภทอายุ 10 ปี ได้ทะยานขึ้นแตะระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนเม.ย.2557 หลังจากที่ได้ดีดตัวขึ้น 0.31% ในเดือนม.ค. ซึ่งเป็นการปรับตัวขึ้นมากที่สุดเมื่อเทียบรายเดือนนับตั้งแต่เดือนพ.ย.2559 ซึ่งในเดือนดังกล่าว อัตราผลตอบแทนพุ่งขึ้น 0.53%
ณ เวลา 17.21 น.ตามเวลาไทย อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลประเภทอายุ 10 ปี ดีดตัวสู่ระดับ 2.799% ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบเกือบ 4 ปี ขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลประเภทอายุ 30 ปี ทะยานแตะระดับ 3.045% ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 8 เดือน
ราคาพันธบัตร และอัตราผลตอบแทนพันธบัตรจะปรับตัวในทิศทางตรงกันข้ามกัน
ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขาแอตแลนตา เปิดเผยว่า แบบจำลองการคาดการณ์ GDPNow แสดงให้เห็นว่า เศรษฐกิจสหรัฐมีแนวโน้มขยายตัว 5.4% ในไตรมาสแรก หลังการเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่ง
หากเศรษฐกิจสหรัฐมีการขยายตัว 5.4% ในไตรมาสแรกตามที่เฟดคาดการณ์ไว้ ก็จะเป็นไตรมาสที่มีการขยายตัวดีที่สุดนับตั้งแต่ที่ภาวะเศรษฐกิจตกต่ำครั้งใหญ่สิ้นสุดลงในปี 2552 ขณะที่เศรษฐกิจสหรัฐทำสถิติขยายตัวสูงสุดก่อนหน้านี้ที่ระดับ 5.2% ซึ่งทำไว้ในไตรมาส 3 ของปี 2557
นักลงทุนยังจับตาตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรประจำเดือนม.ค.ของสหรัฐ โดยกระทรวงแรงงานสหรัฐจะเปิดเผยข้อมูลดังกล่าวในวันนี้ เวลา 20.30 น.ตามเวลาไทย
ผลการสำรวจนักวิเคราะห์ระบุว่า ตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรจะพุ่งขึ้น 180,000 ตำแหน่งในเดือนม.ค. จากระดับ 148,000 ตำแหน่งในเดือนธ.ค. ขณะที่คาดว่าอัตราการว่างงานจะทรงตัวที่ระดับ 4.1% ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 17 ปี
นอกจากนี้ นักลงทุนยังจับตาตัวเลขรายได้ต่อชั่วโมง ซึ่งเป็นข้อมูลที่เฟดให้ความสำคัญเพื่อหาสัญญาณบ่งชี้ภาวะเงินเฟ้อ
หากสหรัฐเผยตัวเลขการจ้างงาน และรายได้ต่อชั่วโมงมากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ ก็จะเป็นปัจจัยหนุนให้เฟดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนมี.ค. และจะเป็นปัจจัยลบต่อตลาดหุ้น