ตลาดหุ้นลอนดอนปิดในแดนลบติดต่อกันเป็นวันที่ 4 เมื่อคืนนี้ (2 ก.พ.) เนื่องจากนักลงทุนวิตกกังวลต่อการพุ่งขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรทั้งในสหรัฐและอังกฤษ หลังจากกระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนม.ค.ที่แข็งแกร่งเกินคาด
ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,443.43 จุด ลดลง 46.96 จุด หรือ -0.63%
อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐประเภทอายุ 30 ปีพุ่งขึ้นเหนือระดับ 3% แตะที่ 3.074% ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนมี.ค.ปีที่แล้ว เมื่อคืนนี้ ขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลอังกฤษประเภท 10 ปี ดีดตัวขึ้น 0.05% สู่ระดับ 1.571% ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนพ.ค. 2560
ทั้งนี้ อัตราผลตอบแทนพันธบัตรพุ่งขึ้นหลังจากกระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยเมื่อคืนนี้ว่า ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนม.ค.พุ่งขึ้น 200,000 ตำแหน่ง มากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้นเพียง 180,000 ตำแหน่ง หลังจากที่เพิ่มขึ้น 160,000 ตำแหน่งในเดือนธ.ค. ขณะที่อัตราการว่างงานทรงตัวที่ระดับ 4.1% ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 17 ปี
ส่วนตัวเลขรายได้ หรือค่าแรงต่อชั่วโมงโดยเฉลี่ยของแรงงานซึ่งเป็นข้อมูลที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ให้ความสำคัญเนื่องจากเป็นสัญญาณบ่งชี้เงินเฟ้อนั้น เพิ่มขึ้น 9 เซนต์/ชั่วโมง หรือ 0.3% และเพิ่มขึ้น 2.9% เมื่อเทียบรายปี
หุ้นกลุ่มธุรกิจสร้างบ้านร่วงลง หลังจากการสำรวจของ Markit/CIPS พบว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคก่อสร้างของสหราชอาณาจักรปรับตัวลงสู่ระดับ 50.2 ในเดือนม.ค. และต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ หลังแตะระดับ 52.2 ในเดือนธ.ค.
ทั้งนี้ หุ้นบาร์แรตต์ เดเวลลอปเมนต์ส ร่วงลง 1.7% หุ้นเทย์เลอร์ วิมปีย์ ลดลง 1.7% และหุ้นเพอร์ซิมมอน ลดลง 0.5%
หุ้นแอสทราเซเนกา ซึ่งเป็นบริษัทเวชภัณฑ์รายใหญ่ ดีดตัวขึ้น 3.1% หลังจากราคาหุ้นร่วงลงในระหว่างวัน จากการรายงานผลกำไรก่อนหักภาษีของบริษัทซึ่งทรุดตัวลงถึง 81% ในไตรมาส 4/2560 อันเนื่องมาจากต้นทุนที่สูงขึ้น
หุ้นแคปิตอล พีแอลซี ซึ่งเป็นบริษัทรับเหมาก่อสร้าง ปรับตัวขึ้น 2.3% เนื่องจากนักลงทุนเข้าช้อนซื้อเก็งกำไร หลังจากราคาหุ้นแคปิตอลร่วงลงอย่างหนักถึง 48% เมื่อวันพุธ ภายหลังจากบริษัทประกาศลดคาดการณ์ผลประกอบการในปี 2561 และระงับการจ่ายเงินปันผลแก่ผู้ถือหุ้น