ดัชนีดาวโจนส์ยังคงดิ่งลงต่อเนื่องในวันนี้ โดยล่าสุดทรุดตัวลงกว่า 500 จุด จากความกังวลเกี่ยวกับการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย หลังจากที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐดีดตัวใกล้ระดับสูงสุดในรอบ 4 ปี หลังการเปิดเผยตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐที่แข็งแกร่ง
ณ เวลา 00.26 น.ตามเวลาไทย ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์อยู่ที่ 24,362.80 จุด ลดลง 530.55 จุด หรือ 2.13%
อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐประเภทอายุ 10 ปีดีดตัวต่อเนื่องในวันนี้ ใกล้แตะระดับสูงสุดในรอบ 4 ปี ขานรับการเปิดเผยตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานที่ลดลงอย่างมาก
นอกจากนี้ การที่ธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) ส่งสัญญาณปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเร็วกว่าที่คาดไว้ ก็เป็นอีกปัจจัยที่หนุนอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐ
ทั้งนี้ อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลประเภทอายุ 10 ปี ดีดตัวสู่ระดับ 2.878% ขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลประเภทอายุ 30 ปี ปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 3.164%
นอกจากนี้ อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลยูโรโซนยังได้ดีดตัวแตะระดับสูงสุดในรอบหลายปีในวันนี้เช่นกัน จากปัจจัยพรรคการเมืองเยอรมนีสามารถบรรลุข้อตกลงจัดตั้งรัฐบาล และจากการที่ผู้นำในวุฒิสภาสหรัฐบรรลุข้อตกลงสนับสนุนร่างกฎหมายงบประมาณ ก่อนที่วุฒิสภาเต็มคณะจะลงมติในวันนี้ ซึ่งจะบ่งชี้ถึงการใช้จ่ายงบประมาณที่มากขึ้นทั้งในยุโรปและสหรัฐ
ทั้งนี้ อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลยูโรโซนประเภทอายุ 10 ปีดีดตัวขึ้น 0.03-0.07% ในวันนี้ ขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลเยอรมนีประเภทอายุ 10 ปี พุ่งแตะระดับ 0.808% ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนก.ย.2558 ส่วนอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลอังกฤษประเภทอายุ 2 ปีดีดตัวแตะระดับสูงสุดนับตั้งแต่ปี 2558
ธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) มีมติด้วยคะแนนเสียงเอกฉันท์ 9-0 เสียง ให้คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ระดับ 0.50% ในการประชุมกำหนดนโยบายการเงินในวันนี้ ตามที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้
นอกจากนี้ ในแถลงการณ์หลังการประชุม ซึ่งเป็นครั้งแรกของปีนี้ คณะกรรมการนโยบายการเงิน (MPC) ของ BoE ส่งสัญญาณการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเร็วและถี่กว่าที่คาดไว้ หากเศรษฐกิจปรับตัวสอดคล้องกับการคาดการณ์ของ BoE เพื่อให้อัตราเงินเฟ้อกลับสู่เป้าหมายของ BoE อย่างยั่งยืน
ทั้งนี้ แถลงการณ์ของ BoE เป็นการส่งสัญญาณให้ตลาดการเงินเตรียมพร้อมรับการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในไม่ช้า
ขณะเดียวกัน ตลาดจับตาถ้อยแถลงของเจ้าหน้าที่เฟดหลายคนในวันนี้ เพื่อหาสัญญาณบ่งชี้ภาวะเศรษฐกิจสหรัฐ และทิศทางอัตราดอกเบี้ย โดยเจ้าหน้าที่เฟดที่จะกล่าวสุนทรพจน์ในวันนี้ ได้แก่ นายโรเบิร์ต แคปแลน ประธานเฟด สาขาดัลลัส, นายแพทริก ฮาร์เกอร์ ประธานเฟด สาขาฟิลาเดลเฟีย, นายนีล แคชแครี ประธานเฟด สาขามินเนอาโพลิส และนางเอสเธอร์ จอร์จ ประธานเฟด สาขาแคนซัส ซิตี้
นายแพทริก ฮาร์เกอร์ ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขาฟิลาเดลเฟีย กล่าวว่า เขาเปิดกว้างต่อการที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนมี.ค.
นอกจากนี้ นายฮาร์เกอร์ยังระบุว่า เขาคาดว่าเฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 2 ครั้งในปีนี้ แต่เฟดก็อาจปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยครั้งที่ 3 โดยขึ้นอยู่กับว่าอัตราเงินเฟ้อได้ดีดตัวขึ้นต่อไปหรือไม่ และสภาวะการเงินยังคงผ่อนคลายหรือไม่
ทางด้านนายจอห์น วิลเลียมส์ ประธานเฟด สาขาซานฟรานซิสโก กล่าวว่า เฟดจะยังคงเดินหน้าตามแผนปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยแบบค่อยเป็นค่อยไปอย่างต่อเนื่อง แม้ว่าตลาดหุ้นจะประสบภาวะผันผวนในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา
ด้านนายโรเบิร์ต แคปแลน ประธานเฟด สาขาดัลลัส กล่าวในวันนี้ว่า เศรษฐกิจสหรัฐอาจมีการขยายตัวแตะจุดสูงสุดในปีนี้ ก่อนที่จะชะลอตัวลงในช่วง 2 ปีข้างหน้า
นายแคปแลนระบุว่า ปีนี้จะเป็นปีที่เศรษฐกิจสหรัฐขยายตัวอย่างแข็งแกร่ง โดยเฟดดัลลัสคาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 2.50-2.75%
นายแคปแลนยังคาดการณ์ว่า อัตราการว่างงานจะลดลงต่ำกว่า 4% ในปีนี้ ขณะที่การจ้างงานอยู่ในภาวะใกล้เต็มศักยภาพ
นอกจากนี้ นายแคปแลนยังกล่าวว่า เฟดควรถอนตัวอย่างค่อยเป็นค่อยไปจากการใช้นโยบายการเงินแบบผ่อนคลาย เนื่องจากตลาดแรงงานที่ตึงตัวได้เพิ่มความเสี่ยงต่อเศรษฐกิจ
นายแคปแลนกล่าวว่า การที่ตลาดหุ้นวอลล์สตรีททรุดตัวลงในระยะนี้ ถือเป็นการปรับฐานที่ดี หลังจากที่พุ่งขึ้นอย่างมากในช่วงที่ผ่านมา และเขาคาดว่าการดิ่งลงของตลาดหุ้นจะไม่มีผลกระทบต่อเศรษฐกิจแต่อย่างใด
บริษัททวิตเตอร์ อิงค์ เปิดเผยผลประกอบการที่แข็งแกร่งในไตรมาส 4 โดยระบุว่า บริษัทสามารถมีกำไรสุทธิเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ก่อตั้งบริษัท ขณะที่มีผลประกอบการสูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์
ทั้งนี้ ทวิตเตอร์เปิดเผยว่า บริษัทมีกำไร 19 เซนต์/หุ้น เมื่อเทียบกับตัวเลขคาดการณ์ที่ระดับ 14 เซนต์/หุ้น
นอกจากนี้ บริษัทระบุรายได้ที่ระดับ 732 ล้านดอลลาร์ สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 686 ล้านดอลลาร์
ราคาหุ้นของทวิตเตอร์พุ่งขึ้นอย่างมากในการซื้อขายวันนี้ ขานรับผลประกอบการที่แข็งแกร่ง
ขณะเดียวกัน นักลงทุนจับตาวุฒิสภาสหรัฐ ซึ่งจะลงมติต่อร่างงบประมาณในวันนี้ เพื่อหลีกเลี่ยงการปิดหน่วยงานรัฐบาล (ชัตดาวน์) ที่อาจเกิดขึ้นในวันพรุ่งนี้
ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ทวีตข้อความในวันนี้ ขานรับผู้นำวุฒิสภาที่สามารถบรรลุข้อตกลงร่างงบประมาณ ก่อนที่วุฒิสภาเต็มคณะจะลงมติในวันนี้
"ข้อตกลงงบประมาณมีความสำคัญต่อกองทัพของเรา ซึ่งจะช่วยให้ท่านรัฐมนตรีกลาโหมได้งบประมาณที่มีความจำเป็นในการทำให้อเมริกากลับมายิ่งใหญ่ พรรครีพับลิกันและเดโมแครตจะต้องสนับสนุนกองทัพของเรา และงบประมาณฉบับนี้" ข้อความในทวิตเตอร์ระบุ
ทั้งนี้ นายมิตช์ แมคคอนเนล จากพรรครีพับลิกัน ผู้นำเสียงข้างมากในวุฒิสภา และนายชัค ชูเมอร์ จากพรรคเดโมแครต ผู้นำเสียงข้างน้อย ต่างก็ให้การสนับสนุนงบประมาณดังกล่าว ก่อนที่วุฒิสภาจะลงมติในวันนี้
วุฒิสภาสหรัฐเตรียมลงมติต่อร่างกฎหมายงบประมาณในวันนี้ ก่อนที่งบประมาณชั่วคราวฉบับปัจจุบันจะสิ้นสุดลงในวันนี้ เพื่อหลีกเลี่ยงการชัตดาวน์ที่อาจเกิดขึ้นในวันพรุ่งนี้
ร่างกฎหมายงบประมาณที่วุฒิสภาจะพิจารณาในวันนี้ จะมีการเพิ่มงบประมาณขึ้นอีกราว 3 แสนล้านดอลลาร์ในช่วงเวลา 2 ปีข้างหน้า โดยกระทรวงกลาโหมจะได้รับ 1.65 แสนล้านดอลลาร์ ขณะที่โครงการต่างๆในประเทศได้รับ 1.31 แสนล้านดอลลาร์ ซึ่งรวมทั้งโครงการช่วยเหลือผู้ประสบภัยเฮอร์ริเคนในรัฐเท็กซัส, ฟลอริดา และเปอร์โตริโก
หากวุฒิสภาให้ความเห็นชอบต่อร่างกฎหมายงบประมาณดังกล่าว ก็จะมีการส่งต่อไปยังสภาผู้แทนราษฎรเพื่อให้การอนุมัติต่อไป ก่อนที่จะให้ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ลงนามรับรองเป็นกฎหมาย
อย่างไรก็ดี หากสภาคองเกรสไม่สามารถบรรลุข้อตกลงเกี่ยวกับร่างกฎหมายงบประมาณภายในเวลาเที่ยงคืนของวันนี้ตามเวลาสหรัฐ หรือเวลาเที่ยงของวันพรุ่งนี้ตามเวลาไทย สหรัฐก็จะเผชิญภาวะชัตดาวน์อีกครั้ง หลังจากที่เกิดการชัตดาวน์เป็นเวลา 3 วันในเดือนที่แล้ว