ดัชนีดาวโจนส์ปรับตัวผันผวนในวันนี้ โดยแกว่งตัวสลับทั้งแดนบวกและลบ โดยล่าสุดร่วงลงกว่า 250 จุด หลังจากทรุดตัวลงกว่า 1,000 จุดเมื่อวานนี้ และเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา ส่งผลให้สัปดาห์นี้ดาวโจนส์ปรับตัวย่ำแย่ที่สุดนับตั้งแต่เดือนต.ค.2551 หรือย่ำแย่ที่สุดในรอบกว่า 9 ปี
ณ เวลา 00.08 น.ตามเวลาไทย ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์อยู่ที่ 23,600.00 จุด ร่วงลง 260.46 จุด หรือ 1.09%
หุ้นกลุ่มพลังงานดิ่งลงนำตลาดวันนี้ตามราคาน้ำมันที่ทรุดตัวลง
สัญญาน้ำมันดิบล่วงหน้า WTI ร่วงลงกว่า 2% หลุดระดับ 60 ดอลลาร์ในวันนี้ เป็นครั้งแรกในรอบ 6 สัปดาห์ และเป็นครั้งแรกในปีนี้ โดยราคาน้ำมันปรับตัวลงเป็นวันที่ 6 ติดต่อกัน ขณะที่ราคาน้ำมันในสัปดาห์นี้ร่วงลง 8.5% และมีแนวโน้มทำสถิติทรุดตัวลงมากที่สุดรายสัปดาห์ในรอบ 10 เดือน
นักลงทุนกังวลว่าการผลิตน้ำมันที่เพิ่มขึ้นมากเป็นประวัติการณ์ของสหรัฐจะส่งผลให้เกิดภาวะน้ำมันล้นตลาด ขณะที่บั่นทอนความพยายามในการปรับลดกำลังการผลิตน้ำมันของกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก)
ตลาดไม่ได้รับปัจจัยหนุนจากการที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ได้ลงนามในร่างกฎหมายงบประมาณชั่วคราวแล้ว หลังจากที่วุฒิสภา และสภาผู้แทนราษฎรให้การอนุมัติก่อนหน้านี้ ส่งผลให้การปิดหน่วยงานของรัฐบาล หรือชัตดาวน์ ได้สิ้นสุดลง หลังจากที่มีการชัตดาวน์เป็นเวลา 6 ชั่วโมงก่อนหน้านี้
การชัตดาวน์ในวันนี้ถือเป็นครั้งที่ 2 หลังจากที่เกิดการชัตดาวน์เป็นเวลา 3 วันในเดือนที่แล้ว
ร่างกฎหมายงบประมาณดังกล่าวจะช่วยให้รัฐบาลมีงบประมาณในการบริหารประเทศไปจนถึงวันที่ 23 มี.ค.
ตลาดหุ้นวอลล์สตรีทดิ่งลงในระยะนี้ จากการที่นักลงทุนวิตกเกี่ยวกับแนวโน้มภาวะเงินเฟ้อที่จะดีดตัวขึ้นตามภาวะเศรษฐกิจสหรัฐที่มีการขยายตัวอย่างแข็งแกร่ง ซึ่งจะส่งผลให้ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเร็วและแรงกว่าที่คาดการณ์ไว้
นักวิเคราะห์กล่าวว่า ปัจจัยสำคัญที่จะชี้ชะตาว่าตลาดหุ้นสหรัฐจะดิ่งลงต่อไป หรือจะฟื้นตัวขึ้น จะขึ้นอยู่กับการเปิดเผยตัวเลขอัตราเงินเฟ้อของสหรัฐในสัปดาห์หน้า โดยกระทรวงแรงงานสหรัฐจะเปิดเผยตัวเลขดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ประจำเดือนม.ค.ในวันพุธ และดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) ในวันพฤหัสบดี ซึ่งหากตัวเลขดังกล่าวสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ ก็จะฉุดให้ตลาดหุ้นเผชิญความผันผวน และทรุดตัวลงต่อไป
ทั้งนี้ ดัชนี CPI ดีดตัวขึ้น 2.1% ในเดือนธ.ค.เมื่อเทียบรายปี ขณะที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าดัชนีดังกล่าวจะทรงตัวที่ระดับดังกล่าวในเดือนม.ค.
"หากตัวเลข CPI ออกมาสูงกว่าคาด ก็จะสร้างความไม่แน่นอนเพิ่มขึ้นในตลาด แต่ถ้าตัวเลขออกมาต่ำกว่าคาด ก็จะส่งผลให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรลดลง และหุ้นก็จะทะยานขึ้น" นายเจสัน แวร์ หัวหน้าเจ้าหน้าที่ฝ่ายการลงทุนของอัลเบียน ไฟแนนเชียล กรุ๊ป กล่าว
อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐปรับตัวไร้ทิศทางในวันนี้ หลังจากพุ่งขึ้นอย่างมากในสัปดาห์นี้ และสร้างความปั่นป่วนต่อตลาดหุ้นวอลล์สตรีท
ทั้งนี้ อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลประเภทอายุ 10 ปี ร่วงลงสู่ระดับ 2.84% หลังจากที่เมื่อวานนี้พุ่งขึ้นใกล้แตะ 2.885% ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 4 ปี
ส่วนอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลประเภทอายุ 30 ปี ปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 3.146% หลังจากที่เมื่อวานนี้พุ่งขึ้นแตะ 3.168% ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 15 มี.ค.
ราคาหุ้นเฟดเอ็กซ์ และยูพีเอสดิ่งลงในวันนี้ หลังจากที่หนังสือพิมพ์วอลล์สตรีท เจอร์นัลรายงานว่า บริษัทอเมซอนเตรียมรุกธุรกิจเดลิเวอรี่ ภายใต้ชื่อ "Shipping with Amazon" โดยพนักงานของอเมซอนจะเดินทางไปรับสินค้าจากภาคธุรกิจต่างๆ พร้อมบริการจัดส่งไปยังลูกค้า
คาดว่าอเมซอนจะให้บริการดังกล่าวที่นครลอสแองเจลิสในเวลาอีกไม่กี่สัปดาห์ และจะมีการขยายบริการไปยังเมืองอื่นๆของสหรัฐต่อไป
นอกจากนี้ มีการคาดกันว่าอเมซอนจะคิดค่าบริการต่ำกว่าคู่แข่ง เช่น เฟดเอ็กซ์ และยูพีเอส