ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (16 ก.พ.) ขานรับข้อมูลเศรษฐกิจที่สดใส อย่างไรก็ตาม ดัชนีหลักทั้ง 3 ตัวค่อนข้างผันผวน เพราะถึงแม้ดัชนี S&P500 จะปิดบวกเช่นกัน แต่ดัชนี NASDAQ ปิดลบ โดยมีปัจจัยถ่วงตลาดคือข่าวอัยการพิเศษสหรัฐฟ้องร้องดำเนินคดีพลเมืองรัสเซีย 13 คน และองค์กรรัสเซีย 3 แห่ง ฐานแทรกแซงการเลือกตั้งสหรัฐปี 2559
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 25,219.38 จุด เพิ่มขึ้น 19.01 จุด หรือ +0.08% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,732.22 จุด เพิ่มขึ้น 1.02 จุด หรือ +0.04% ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 7,239.47 จุด ลดลง 16.96 จุด หรือ -0.23%
ดัชนีดาวโจนส์ทำสถิติปิดบวกติดต่อกันเป็นวันที่ 6 หลังจากสหรัฐเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งเมื่อคืนนี้
กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ตัวเลขการเริ่มต้นสร้างบ้านพุ่งขึ้น 9.7% ในเดือนม.ค. สู่ระดับ 1.33 ล้านยูนิต ซึ่งเป็นระดับสูงที่สุดนับตั้งแต่เดือนต.ค. 2559 หรือในรอบกว่าหนึ่งปี และสูงกว่าการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ซึ่งคาดว่าจะอยู่ที่ราว 1.24 ล้านยูนิต
ขณะที่ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเบื้องต้นของสหรัฐในเดือนก.พ.จากมหาวิทยาลัยมิชิแกน ปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 99.9 จากระดับเดือนม.ค.ที่ 95.7 ซึ่งเป็นสถิติที่สูงกว่าการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่คาดว่าดัชนีจะอยู่ที่ 95.3
สาเหตุที่ดัชนีความเชื่อมั่นปรับตัวสูงขึ้นนั้น เนื่องจากตลาดแรงงานมีความแข็งแกร่ง และเศรษฐกิจก็ขยายตัวอย่างมั่นคง
อย่างไรก็ตาม ตลาดหุ้นนิวยอร์กผันผวนในการซื้อขายช่วงท้าย หลังจากนายโรเบิร์ต มูลเลอร์ อัยการพิเศษสหรัฐ ฟ้องร้องดำเนินคดีพลเมืองรัสเซีย 13 คน และองค์กรรัสเซีย 3 แห่ง โดยกล่าวหาว่าพลเมืองและองค์กรกลุ่มนี้แทรกแซงการเลือกตั้งสหรัฐปี 2559
คำฟ้องของนายมูลเลอร์ระบุว่า จำเลยกลุ่มนี้สนับสนุนแคมเปญหาเสียงของนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐคนปัจจุบัน และทำให้นางฮิลลารี คลินตัน ตัวแทนชิงตำแหน่งประธานาธิบดีจากพรรคเดโมแครตเสื่อมเสีย
หุ้นโคคา-โคล่า บริษัทเครื่องดื่มรายใหญ่ ปรับตัวขึ้น 0.45% หลังจากเปิดเผยกำไรต่อหุ้นอยู่ที่ 39 เซนต์ ขณะที่รายได้อยู่ที่ 7.51 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งดีกว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้ที่ 38 เซนต์ต่อหุ้น และ 7.36 พันล้านดอลลาร์ตามลำดับ
หุ้นคราฟท์ ไฮนซ์ ร่วงลง 2.63% หลังจากกำไรและยอดขายไตรมาสที่ผ่านมาต่ำกว่าคาดการณ์ของนักวิเคราะห์
หุ้นแคมป์เบล ซุป ลดลง 3.2% หลังจากซีอีโอของบริษัทกล่าวว่าผลประกอบการไตรมาสที่ผ่านมาน่าผิดหวัง แม้ว่ากำไรและยอดขายจะสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์
หุ้นกลุ่มโลหะปรับตัวขึ้น โดยหุ้น ยูเอส สตีล พุ่งขึ้นเกือบ 15% และหุ้นเอเค สตีลพุ่งขึ้นเกือบ 14% หลังจากกระทรวงพาณิชย์สหรัฐแนะนำให้เก็บภาษีโลหะที่นำเข้าจากต่างประเทศ โดยได้เสนอให้เก็บภาษีเหล็กกล้านำเข้าจากทุกประเทศที่อัตรา 24%
สำหรับในสัปดาห์นี้ ดัชนีดาวโจนส์ปรับตัวขึ้น 4.3% ดัชนี S&P500 เพิ่มขึ้น 4.3% และดัชนี NASDAQ เพิ่มขึ้น 5.3%