ตลาดหุ้นลอนดอนปิดลบเมื่อคืนนี้ (19 ก.พ.) โดยได้รับแรงกดดันจากการร่วงลงของหุ้นกลุ่มเหมืองแร่ หลังจากมีรายงานว่าทางการสหรัฐอาจเรียกเก็บภาษีนำเข้าเหล็กและอลูมิเนียม นอกจากนี้ ตลาดหุ้นลอนดอนยังได้รับปัจจัยลบจากการที่นักลงทุนเทขายทำกำไร หลังจากดัชนี FTSE 100 ปิดพุ่งขึ้นติดต่อกันหลายวันในช่วงก่อนหน้านี้
ทั้งนี้ ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,247.66 จุด ลดลง 47.04 จุด หรือ -0.64%
หุ้นกลุ่มเหมืองแร่ร่วงลง นำโดยหุ้นเฟรสนิลโล ดิ่งลง 2.8% และหุ้นริโอทินโต ร่วงลง 1.2% หลังจากทางการสหรัฐส่งสัญญาณว่าอาจมีการเรียกเก็บภาษีนำเข้าเหล็กและอลูมิเนียม โดยเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยข้อเสนอแนะถึงประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ให้มีการเข้มงวดกับการนำเข้าเหล็กกล้าและอลูมิเนียม โดยแถลงการณ์ของกระทรวงพาณิชย์ ระบุว่า ปริมาณและสถานการณ์เหล็กกล้าและอลูมิเนียมนำเข้าในปัจจุบันนั้น กำลังคุกคามความมั่นคงของชาติ ดังที่ระบุไว้ในมาตรา 232 ของกฎหมายการขยายการค้า (Trade Expansion Act) ฉบับปี 2505
หุ้นเรกคิทท์ เบนคีเซอร์ ผู้ผลิตผลิตภัณฑ์ด้านสุขภาพ ร่วงลง 7.5% หลังจากบริษัทเปิดเผยยอดขายทรงตัวในปี 2560
นักวิเคราะห์จากบริษัทแคปิตอล กรุ๊ป ในกรุงลอนดอนกล่าวว่า นักลงทุนบางส่วนได้เข้ามาเทขายทำกำไรหลังจากตลาดหุ้นลอนดอนพุ่งขึ้นติดต่อกันหลายวัน อันเนื่องมาจากการปิดบวกอย่างต่อเนื่องของดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์ก
นักลงทุนจับตาผลประกอบการของธนาคารรายใหญ่ในสัปดาห์นี้ ซึ่งได้แก่เอชเอสบีซี และบาร์เคลย์ส
นอกจากนี้ นักลงทุนยังจับตาข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของอังกฤษในสัปดาห์นี้ด้วย โดยในวันพุธนี้ สำนักงานสถิติแห่งชาติอังกฤษจะเปิดเผยอัตราว่างงานเดือนธ.ค. ส่วนในวันพฤหัสบดีจะมีการเปิดเผยผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ไตรมาส 4/2560