ตลาดหุ้นเอเชียปิดภาคเช้าวันนี้อ่อนตัวลง ภายหลังจากที่ตลาดหุ้นนิวยอร์กปรับตัวลงเมื่อคืนที่ผ่านมา เนื่องจากนักลงทุนเทขายหุ้นเพราะความกังวลเกี่ยวกับอัตราผลตอบแทนพันธบัตรที่ดีดตัวสูงขึ้นภายหลังจากที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ได้เปิดเผยรายงานการประชุมเมื่อเดือนม.ค.ที่บ่งชี้ว่า เศรษฐกิจสหรัฐมีความแข็งแกร่ง และแนวโน้มของเงินเฟ้อก็ปรับตัวสูงขึ้น ส่งผลให้เกิดการคาดการณ์เรื่องการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟด ในขณะที่ตลาดหุ้นจีนกลับมาเปิดทำการอีกครั้งในวันนี้ ภายหลังจากที่ปิดทำการเนื่องในเทศกาลตรุษจีน
ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นปิดภาคเช้าที่ 21,712.20 จุด ลดลง 258.61 จุด, -1.18% ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงปิดภาคเช้าที่ 31,095.77 จุด ลดลง 336.12 จุด, -1.07% ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียปิดภาคเช้าที่ 1,856.82 จุด ลดลง 1.35 จุด, -0.07%
ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ได้เปิดเผยรายงานการประชุมนโยบายการเงินของวันที่ 30-31 ม.ค. เมื่อวานนี้ตามเวลาสหรัฐ โดยระบุว่า กรรมการเฟดส่วนใหญ่มีความเห็นตรงกันว่า ความแข็งแกร่งของแนวโน้มเศรษฐกิจในระยะใกล้นี้ ทำให้เฟดมีความเชื่อมั่นมากขึ้นว่า การเดินหน้าปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในลักษณะค่อยเป็นค่อยไปนั้น ถือเป็นการดำเนินการที่เหมาะสม
รายงานการประชุมยังระบุด้วยว่า ข้อมูลเงินเฟ้อที่กรรมการเฟดได้รับมา ประกอบกับข้อมูลที่บ่งชี้ว่ากิจกรรมทางเศรษฐกิจมีความแข็งแกร่งอย่างต่อเนื่องนั้น ได้ช่วยสนับสนุนมุมมองที่ว่า อัตราเงินเฟ้อจะดีดตัวขึ้นในปี 2561 โดยกรรมการเฟดเกือบทุกคนคาดว่า ในระยะกลางนี้ อัตราเงินเฟ้อจะปรับตัวขึ้นสู่เป้าหมายของเฟดที่ระดับ 2% เนื่องจากเศรษฐกิจมีการขยายตัวได้ดีกว่าที่คาดไว้ และตลาดแรงงานยังคงแข็งแกร่ง
ขณะที่นายแพทริก ฮาร์เกอร์ ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขาฟิลาเดลเฟีย กล่าวว่า เขายังคงคิดว่า เป็นการเหมาะสมที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพียง 2 ครั้งในปีนี้ แต่เขาก็เปิดกว้างต่อการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยมากกว่า 2 ครั้ง หากมีความจำเป็น
"เมื่อพิจารณาถึงเศรษฐกิจที่ค่อนข้างแข็งแกร่ง แต่อัตราเงินเฟ้อยังคงอยู่ในระดับต่ำ ผมจึงคาดว่าเฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 2 ครั้งในปีนี้" นายฮาร์เกอร์กล่าว
"แต่ข้อมูลเศรษฐกิจก็อาจเปลี่ยนแปลงได้ ซึ่งบางครั้งก็ไม่ได้บ่งชี้ถึงเหตุการณ์ในอนาคตเสมอไป" เขากล่าว