ตลาดหุ้นลอนดอนปิดร่วงลงเมื่อคืนนี้ (28 ก.พ.) จากความกังวลประธานเฟดคนใหม่ส่งสัญญาณมีโอกาสขึ้นดอกเบี้ย 4 ครั้งปีนี้ นอกจากนี้ ข้อมูลภาคการผลิตที่อ่อนแรงของจีนยังได้กดดันบรรยากาศการซื้อขายในตลาดหุ้นลอนดอนเช่นกัน
ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,231.91 จุด ลดลง 50.54 จุด หรือ -0.69%
สำหรับการซื้อขายตลอดทั้งเดือนก.พ. ดัชนี FTSE 100 ร่วงลงไปถึง 4% ซึ่งถือเป็นเดือนที่ย่ำแย่ที่สุดนับตั้งแต่เดือนส.ค. 2558 ท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับต้นทุนการกู้ยืมหรืออัตราดอกเบี้ยที่ปรับตัวสูงขึ้น
ภาวะการซื้อขายในตลาดหุ้นลอนดอนเป็นไปในทิศทางเดียวกับตลาดหุ้นอื่นๆในยุโรป และตลาดหุ้นเอเชีย ซึ่งถูกแรงเทขายกดดันตามดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กที่ปิดร่วงลงอย่างหนักเมื่อวันอังคาร หลังจากนายเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ได้แถลงต่อสภาคองเกรสสหรัฐ โดยส่งสัญญาณว่าเฟดอาจปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 4 ครั้งในปีนี้
นอกจากนี้ ถ้อยแถลงของนายพาวเวลยังทำให้ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้น ซึ่งไม่เป็นผลดีต่อราคาโลหะและสินค้าโภคภัณฑ์อื่นๆ เพราะทำให้สินค้าเหล่านี้มีราคาแพงขึ้น ส่งผลให้นักลงทุนเทขายหุ้นกลุ่มผู้ผลิตโลหะ ขณะเดียวกัน หุ้นกลุ่มเดียวกันนี้ยังได้รับแรงกดดันจากข้อมูลภาคการผลิตที่ชะลอตัวลงของจีนด้วย
โดยหุ้นกลุ่มผู้ผลิตโลหะปรับตัวลดลง หลังจากที่สำนักงานสถิติแห่งชาติจีน (NBS) รายงานวานนี้ว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตเดือนก.พ. อยู่ที่ระดับ 50.3 ซึ่งลดลงจากระดับ 51.3 ในเดือนม.ค. สะท้อนให้เห็นว่ากิจกรรมในภาคการผลิตของจีนชะลอตัวลงในเดือนที่ผ่านมา
ทั้งนี้ จีนเป็นตลาดที่สำคัญสำหรับบรรดาผู้ผลิตโลหะ โดยจีนเป็นผู้ซื้อรายใหญ่ทั้งโลหะอุตสาหกรรมและโลหะมีค่า
ข้อมูลดังกล่าวถ่วงหุ้นกลุ่มเหมืองแร่ร่วงลง นำโดยอันโตฟากัสตา -4% อังโกล อเมริกัน -3.3% และบีเอสพี บิลลิตัน -2.7%
หุ้นไอทีวีร่วงลงหนักสุดในบรรดาหุ้นบลูชิป โดยปรับตัวลดลงไปถึง 7.6% หลังผลกำไรก่อนหักภาษีต่ำกว่าการประมาณการของตลาด
หุ้นแอดมิรัล บริษัทประกันรถยนต์ ลบ 4.5% หุ้นเฟรสนิลโล บริษัทเหมืองทองคำ ลดลง 4.2%
ด้านหุ้นเทสโก้ ปิดบวก 1.8% หลังจากบริษัทเผยว่าผู้ถือหุ้นของเทสโก้ และของบุ๊กเกอร์ กรุ๊ป อนุมัติข้อเสนอควบรวมกิจการ
หุ้นไอเอจี บริษัทแม่ของสายการบินบริติช แอร์เวย์ บวก 1.8%