ตลาดหุ้นยุโรปปิดร่วงลงเมื่อคืนนี้ (28 ก.พ.) เช่นเดียวกับตลาดหุ้นทั่วโลก หลังจากนายเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ได้ส่งสัญญาณว่า เฟดอาจปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 4 ครั้งในปีนี้
ดัชนี Stoxx Europe 600 ลดลง 2.73 จุด หรือ -0.71% ปิดที่ 379.63 จุด
ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 12,435.85 จุด ลดลง 54.88 จุด, -0.44% ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 5,320.49 จุด ลดลง 23.44, -0.44% ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,231.91 ลดลง 50.54 จุด, -0.69%
ตลาดหุ้นยุโรปได้รับแรงกดดันหลังจากที่นายพาวเวลได้แถลงต่อคณะกรรมาธิการบริการการเงินประจำสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐเมื่อวันอังคารว่า เฟดมีแผนปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 3 ครั้งในปีนี้ และอาจมีแนวโน้มที่จะปรับขึ้นเป็น 4 ครั้ง หลังจากมีการใช้มาตรการด้านการคลังกระตุ้นเศรษฐกิจสหรัฐ ซึ่งรวมถึงการปรับลดอัตราภาษี และการเพิ่มการใช้จ่ายของรัฐบาล
ขณะเดียวกัน นักลงทุนจับตาการเลือกตั้งทั่วไปของอิตาลีในวันอาทิตย์นี้ โดยดัชนี FTSE MIB ตลาดหุ้นอิตาลี ลดลง 0.5% ในการซื้อขายวันพุธ
สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจยุโรปที่มีการเปิดเผยวานนี้ สำนักงานสถิติแห่งชาติของฝรั่งเศส (Insee) รายงานว่า การใช้จ่ายผู้บริโภคร่วงลง 1.9% ในเดือนม.ค. เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว เนื่องจากสภาพอากาศที่ไม่หนาวจัดทำให้ความต้องการพลังงานในภาคครัวเรือนลดลง
ขณะเดียวกันสำนักงานสถิติฝรั่งเศสได้ปรับเพิ่มตัวเลขการขยายตัวทางเศรษฐกิจเป็นโต 2% ในปีที่แล้ว โดยเพิ่มขึ้น 1% จากตัวเลขประมาณการเบื้องต้น ส่วนในปีนี้ รัฐบาลคาดว่าเศรษฐกิจจะขยายตัว 1.7%
หุ้นไบเออร์ ร่วง 1.9% ในตลาดหุ้นเยอรมนี หลังบริษัทผู้ผลิตยาและเคมีภัณฑ์รายใหญ่เผยกำไรสุทธิร่วงลงถึง 67% ในไตรมาสสี่ โดยมีสาเหตุส่วนใหญ่มาจากการปฏิรูปภาษีของสหรัฐ
หุ้นดอยซ์แบงก์ลดลง 1.8%
หุ้นลุฟท์ฮันซ่า บวก 1.2% หุ้นอาดิดาส บวก 0.9%