ดัชนีดาวโจนส์ร่วงลงกว่า 100 จุดในวันนี้ หลุดระดับ 25,000 จุด ขณะที่นักลงทุนจับตานายเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ซึ่งมีกำหนดกล่าวแถลงการณ์รอบครึ่งปีต่อสภาคองเกรสอีกครั้งในวันนี้ เวลา 10.00 น.ตามเวลาสหรัฐ หรือ 22.00 น.ตามเวลาไทย
ณ เวลา 21.45 น.ตามเวลาไทย ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์อยู่ที่ 24,898.16 จุด ลดลง 131.04 จุด หรือ 0.52%
นักลงทุนวิตกต่อการกล่าวแถลงการณ์ของนายพาวเวล หลังจากที่ถ้อยแถลงของเขาก่อนหน้านี้ได้ส่งผลให้ดัชนีดาวโจนส์ดิ่งลงเกือบ 300 จุดเมื่อวันอังคาร และทรุดตัวเกือบ 400 จุดเมื่อวานนี้ จากการคาดการณ์ที่ว่าเฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเร็วและแรงกว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้
ดาวโจนส์ปรับตัวลงในเดือนก.พ. หลังจากดีดตัวขึ้นติดต่อกัน 10 เดือน ซึ่งเป็นช่วงขาขึ้นที่ยาวนานที่สุดนับตั้งแต่ปี 2502
นายพาวเวลมีกำหนดกล่าวแถลงการณ์รอบครึ่งปีว่าด้วยนโยบายการเงินและภาวะเศรษฐกิจสหรัฐต่อสภาคองเกรสอีกครั้งในวันนี้ โดยเขาจะกล่าวถ้อยแถลงต่อคณะกรรมาธิการการธนาคารประจำวุฒิสภาสหรัฐ หลังจากที่ได้กล่าวต่อคณะกรรมาธิการบริการการเงินประจำสภาผู้แทนราษฎรในวันอังคาร
นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า นายพาวเวลจะกล่าวย้ำในวันนี้ว่า เฟดอาจปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 4 ครั้งในปีนี้ มากกว่าที่ตลาดคาดการณ์ก่อนหน้านี้ว่าเฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 3 ครั้ง
"ผมไม่คิดว่าคุณพาวเวลจะเป็นคนที่จะไปบอกตลาดวอลล์สตรีทในสิ่งที่ตลาดอยากฟัง แต่เขาจะบอกกับตลาดในสิ่งที่เขาต้องการพูด" นายปีเตอร์ บุ๊ควาร์ หัวหน้านักวิเคราะห์ตลาดของบลีคลีย์ ไฟแนนเชียล กรุ๊ป กล่าว
ประธานเฟดหลายคนก่อนหน้านี้ เช่น นางเจเน็ต เยลเลน และนายเบน เบอร์นันเก้ ถูกมองว่าพร้อมที่จะออกมาตรการเพื่อทำให้ตลาดสงบลง หากมีความผันผวนมากเกินไป ขณะที่นักวิเคราะห์กล่าวว่า ยังคงต้องรอดูท่าทีของนายพาวเวลว่าจะเหมือนกับประธานเฟดคนก่อนๆหรือไม่
ทั้งนี้ ในการกล่าวตอบข้อซักถามจากคณะกรรมาธิการบริการการเงินประจำสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐในวันอังคาร นายพาวเวลระบุว่า เฟดมีแผนปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 3 ครั้งในปีนี้ และอาจมีแนวโน้มที่จะปรับขึ้นเป็น 4 ครั้ง หลังจากมีการใช้มาตรการด้านการคลังกระตุ้นเศรษฐกิจสหรัฐ ซึ่งรวมถึงการปรับลดอัตราภาษี และการเพิ่มการใช้จ่ายของรัฐบาล
นายพาวเวลกล่าวว่า กรรมการเฟดแต่ละคนจะทำการประเมินครั้งใหม่ต่อแนวโน้มการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปีนี้ ในการประชุมกำหนดนโยบายการเงินในวันที่ 20-21 มี.ค.
"ผมไม่ต้องการที่จะตัดสินล่วงหน้าเกี่ยวกับการประเมินครั้งใหม่ แต่เราจะพิจารณาจากปัจจัยทุกอย่างที่เกิดขึ้นนับตั้งแต่เดือนธ.ค.ที่ผ่านมา" นายพาวเวลกล่าว
นายพาวเวลยังระบุว่า เฟดจำเป็นต้องจับตาภาวะไร้สมดุลในระบบการเงิน แต่ขณะนี้ดูเหมือนยังไม่มีอันตรายจากแนวโน้มดังกล่าว
นายพาวเวลระบุว่า เขาไม่ได้มีความกังวลต่อภาวะผันผวนของตลาดหุ้นในช่วงที่ผ่านมา โดยการแกว่งตัวอย่างรุนแรงของตลาดจะไม่มีผลกระทบต่อมุมมองของเขาที่มีต่อเศรษฐกิจสหรัฐ และการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟดในปีนี้ โดยเขาคาดว่าเศรษฐกิจสหรัฐยังคงมีแนวโน้มที่แข็งแกร่ง และเฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างค่อยเป็นค่อยไป
ประธานเฟดกล่าวว่า สภาวะการเงินยังคงอยู่ในภาวะผ่อนคลาย แม้เกิดภาวะผันผวนในตลาดการเงิน
นายพาวเวลย้ำว่าตลาดแรงงาน และการใช้จ่ายของผู้บริโภค ยังคงมีความแข็งแกร่ง ขณะที่ค่าจ้างมีการเพิ่มขึ้นในอัตราเร่งตัว
นอกจากนี้ นายพาวเวลยังระบุว่า การเพิ่มขึ้นของการส่งออก และนโยบายการคลังในเชิงกระตุ้นเศรษฐกิจ จะเป็นปัจจัยใหม่ที่ส่งผลบวกต่อเศรษฐกิจสหรัฐ
ในประเด็นเงินเฟ้อ นายพาวเวลระบุว่า เงินเฟ้อยังคงอยู่ในระดับต่ำ และจะดีดตัวขึ้นในปีนี้ ขณะที่จะมีเสถียรภาพที่ระดับ 2% ในระยะกลาง
นายพาวเวลกล่าวว่า ความเสี่ยงต่อแนวโน้มเศรษฐกิจยังคงมีความสมดุล แต่เจ้าหน้าที่เฟดจะจับตาเงินเฟ้ออย่างใกล้ชิด
ขณะเดียวกัน ประธานเฟดยังระบุว่า การปรับลดงบดุลของเฟดกำลังดำเนินไปอย่างราบรื่น
นอกจากนี้ การเปิดเผยดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) ซึ่งเป็นมาตรวัดอัตราเงินเฟ้อที่เฟดให้ความสำคัญ พุ่งขึ้นในเดือนม.ค. ก็เป็นอีกปัจจัยที่กดดันตลาด
กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ดัชนี PCE เพิ่มขึ้น 0.4% ในเดือนม.ค. ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นมากที่สุดนับตั้งแต่เดือนก.ย.ปีที่แล้ว หลังจากที่เพิ่มขึ้น 0.1% ในเดือนธ.ค.
เมื่อเทียบรายปี ดัชนี PCE เพิ่มขึ้น 1.7% ในเดือนม.ค. หลังจากที่เพิ่มขึ้น 1.7% เช่นกันในเดือนธ.ค.
ส่วนดัชนี PCE พื้นฐาน ซึ่งไม่นับรวมหมวดอาหารและพลังงาน เพิ่มขึ้น 0.3% ในเดือนม.ค. ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นมากที่สุดนับตั้งแต่เดือนม.ค.ปีที่แล้ว หลังจากที่เพิ่มขึ้น 0.2% ในเดือนธ.ค.
เมื่อเทียบรายปี ดัชนี PCE พื้นฐานเพิ่มขึ้น 1.7% ในเดือนม.ค. หลังจากที่เพิ่มขึ้น 1.7% เช่นกันในเดือนธ.ค.
นักวิเคราะห์คาดการณ์ก่อนหน้านี้ว่า ดัชนี PCE พื้นฐานเพิ่มขึ้น 0.3% ในเดือนม.ค. เมื่อเทียบรายเดือน และเพิ่มขึ้น 1.5% เมื่อเทียบรายปี