ตลาดหุ้นลอนดอนปิดลบเมื่อคืนนี้ (1 มี.ค.) เนื่องจากนักลงทุนยังคงวิตกกังวลว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) อาจปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยมากกว่าคาด นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงกดดันจากรายงานที่ว่า ดัชนี PMI ภาคการผลิตของสหราชอาณาจักรร่วงลงแตะระดับต่ำสุดในรอบ 8 เดือนในเดือนก.พ.
ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,175.64 จุด ลดลง 56.27 จุด หรือ -0.78%
ตลาดหุ้นลอนดอนปิดในแดนบวกติดต่อกันเป็นวันที่ 3 เมื่อคืนนี้ เนื่องจากนักลงทุนยังคงกังวลเกี่ยวกับการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟด หลังจากที่นายเจอโรม พาวเวล ประธานเฟด ได้เตือนเกี่ยวกับการพุ่งขึ้นของเงินเฟ้อในระหว่างการกล่าวแถลงการณ์รอบครึ่งปีต่อคณะกรรมาธิการบริการการเงินประจำสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐเมื่อวันอังคารที่ผ่านมา และส่งสัญญาณว่า เฟดอาจปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 4 ครั้งในปีนี้ มากกว่าที่ตลาดคาดการณ์ก่อนหน้านี้ว่าเฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 3 ครั้ง
นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงกดดันหลังจากไอเอชเอส มาร์กิต ซึ่งเป็นบริษัทให้บริการข้อมูลทางการเงิน เปิดเผยว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตของสหราชอาณาจักร ปรับตัวลงสู่ระดับ 55.2 ในเดือนก.พ. ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 8 เดือน จากระดับ 55.3 ในเดือนม.ค.
หุ้นดับบลิวพีพี ซึ่งเป็นบริษัทโฆษณารายใหญ่ ดิ่งลง 8.2% หลังจากบริษัทปรับลดคาดการณ์ยอดขายตลอดปีงบการเงิน 2561
หุ้นเรนโทคิล อินนิเชียล ซึ่งเป็นผู้ผลิตสารจำกัดแมลง ร่วงลง 9.2% หลังจากบริษัทเปิดเผยกำไรก่อนหักภาษีในปีงบการเงิน 2560 ที่ระดับ 986.7 ล้านดอลลาร์ ซึ่งน้อยกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์
หุ้นเบอร์เบอร์รี่ ผู้จำหน่ายสินค้าหรูชื่อดัง ดีดตัวขึ้น 3.8% หลังจากบริษัทได้แต่งตั้งริคคาร์โด ทิสคี ดีไซเนอร์ชาวอิตาลี ให้ดำรงตำแหน่งครีเอทีฟไดเร็คเตอร์
หุ้นสกาย ปรับตัวขึ้น 1.8% หลังจากสกายได้บรรลุข้อตกลงกับบริษัทเน็ตฟลิกซ์ เพื่อให้บริการสตรีมมิ่งในยุโรป