ตลาดหุ้นยุโรปปิดร่วงลงเมื่อคืนนี้ (1 มี.ค.) หลังจากบริษัทจดทะเบียนรายใหญ่เปิดเผยผลประกอบการที่อ่อนแอ ซึ่งรวมถึงบริษัทคาร์ฟูร์ นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงกดดันหลังจากนายเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ได้ส่งสัญญาณการเดินหน้าปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย และดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตของหลายประเทศในยุโรปที่ชะลอตัวลง
ดัชนี Stoxx Europe 600 ร่วงลง 1.3% ปิดที่ 374.86 จุด
ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 12,190.94 จุด ลดลง 244.91 จุด หรือ -1.97% ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 5,262.56 จุด ลดลง 57.93 จุด หรือ -1.09% ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,175.64 จุด ลดลง 56.27 จุด หรือ -0.78%
ตลาดหุ้นยุโรปยังคงได้รับแรงกดดันจากความกังวลเกี่ยวกับการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟด หลังจาก นายเจอโรม พาวเวล ประธานเฟด ได้เตือนเกี่ยวกับการพุ่งขึ้นของเงินเฟ้อในระหว่างการกล่าวแถลงการณ์รอบครึ่งปีต่อคณะกรรมาธิการบริการการเงินประจำสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐเมื่อวันอังคารที่ผ่านมา และส่งสัญญาณว่า เฟดอาจปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 4 ครั้งในปีนี้ มากกว่าที่ตลาดคาดการณ์ก่อนหน้านี้ว่าเฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 3 ครั้ง
นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับปัจจัยลบจากดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตในหลายประเทศของยุโรปที่ชะลอตัวลง โดยไอเอชเอส มาร์กิต ซึ่งเป็นบริษัทให้บริการข้อมูลทางการเงิน เปิดเผยว่า ดัชนี PMI ภาคการผลิตของสหราชอาณาจักร ปรับตัวลงสู่ระดับ 55.2 ในเดือนก.พ. ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 8 เดือน จากระดับ 55.3 ในเดือนม.ค.
ส่วนดัชนี PMI ภาคการผลิตเดือนก.พ.ของฝรั่งเศส ปรับตัวลงสู่ระดับ 55.9 ในเดือนก.พ. จากระดับ 58.4 ในเดือนม.ค. และลดลงจากตัวเลขประมาณการเบื้องต้นเดือนก.พ.ที่ระดับ 56.1 ขณะที่ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตเดือนก.พ.ของเยอรมนี ลดลงสู่ระดับ 60.6 จากระดับ 61.1 ในเดือนม.ค
หุ้นดับบลิวพีพี ซึ่งเป็นบริษัทโฆษณารายใหญ่ของยุโรป ร่วงลง 8.2% หลังจากบริษัทปรับลดยอดขายตลอดปี 2561
หุ้นคาร์ฟูร์ ดิ่งลง 6% หลังจากบริษัทประกาศลดการจ่ายเงินปันผล อันเนื่องมาจากการขาดทุนเป็นวงเงินสูงถึง 652.7 ล้านดอลลาร์ในปีงบการเงิน 2560
หุ้น Beiersdorf ซึ่งเป็นผู้ผลิตผลิตภัณฑ์ดูแลผิวของเยอรมนี ร่วงลง 4.5% หลังจากบริษัทเปิดเผยตัวเลขขาดทุนในปีงบการเงิน 2560 มูลค่า 841.6 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
หุ้นเรนโทคิล อินนิเชียล ซึ่งเป็นผู้ผลิตสารจำกัดแมลง ร่วงลง 9.2% หลังจากบริษัทเปิดเผยกำไรก่อนหักภาษีในปีงบการเงิน 2560 ที่ระดับ 986.7 ล้านดอลลาร์ ซึ่งน้อยกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์
หุ้นเบอร์เบอร์รี่ ผู้จำหน่ายสินค้าหรูชื่อดัง ดีดตัวขึ้น 3.8% หลังจากบริษัทได้แต่งตั้งริคคาร์โด ทิสคี ดีไซเนอร์ชาวอิตาลี ให้ดำรงตำแหน่งครีเอทีฟไดเร็คเตอร์