ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์กดาวโจนส์ปิดลบ 70.92 จุด นักลงทุนยังผวา"ทรัมป์"เปิดศึกการค้า

ข่าวหุ้น-การเงิน Saturday March 3, 2018 07:42 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดตลาดปรับตัวลดลงติดต่อกันเป็นวันที่ 4 เมื่อคืนนี้ (2 มี.ค.) จากการที่นักลงทุนยังคงมีความวิตกเกี่ยวกับการทำสงครามการค้า หลังประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ประกาศว่า สหรัฐจะเรียกเก็บภาษีนำเข้าเหล็กและอลูมิเนียมในสัปดาห์หน้า

อย่างไรก็ดี ดัชนี S&P500 และดัชนี Nasdaq ปิดตลาดปรับตัวเพิ่มขึ้น เนื่องจากนักลงทุนกลุ่มนี้มองว่า ปฏิกิริยาตอบกลับที่ตลาดมีต่อการประกาศเรียกเก็บภาษีนำเข้าเหล็กและอลูมิเนียมนั้นเลยเถิดเกินไป

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 24,538.06 จุด ลดลง 70.92 จุด หรือ -0.29% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,691.25 จุด เพิ่มขึ้น 13.58 จุด หรือ 0.51% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 7,257.87 จุด เพิ่มขึ้น 77.31 จุด หรือ 1.08%

ดัชนีดาวโจนส์ปิดตลาดในแดนลบติดต่อกันต่อเนื่อง โดยนักลงทุนยังคงมีความวิตกหลังปธน.ทรัมป์ทวีตข้อความว่า การทำสงครามการค้าเป็นเรื่องที่ดีสำหรับสหรัฐ และเป็นเรื่องง่ายที่จะชนะ

"เมื่อประเทศหนึ่ง (สหรัฐ) ต้องสูญเสียเงินหลายพันล้านดอลลาร์ในการทำการค้ากับแทบทุกประเทศ การทำสงครามการค้าก็ถือว่าเป็นเรื่องที่ดี และชนะได้ง่าย ยกตัวอย่างเช่น เมื่อเราต้องสูญเสียเงิน 1 แสนล้านดอลลาร์กับบางประเทศ เราก็อย่าได้ทำการค้าต่อไปอีก เราก็จะชนะอย่างยิ่งใหญ่ นี่เป็นเรื่องง่ายๆ" ข้อความในทวิตเตอร์ระบุ

ปธน.ทรัมป์ทวีตข้อความดังกล่าว หลังจากที่ก่อนหน้านั้น เขาได้ประกาศว่า สหรัฐจะเรียกเก็บภาษีนำเข้าเหล็กในอัตรา 25% และอลูมิเนียม 10% ในสัปดาห์หน้า โดยมาตรการดังกล่าวมีเป้าหมายที่จะปกป้องภาคอุตสาหกรรมของสหรัฐ

อย่างไรก็ตาม ปธน.ทรัมป์ไม่ได้เปิดเผยรายชื่อประเทศที่จะถูกเรียกเก็บภาษีดังกล่าว และระยะเวลาที่สหรัฐจะดำเนินการเก็บภาษี

ทางด้านนักวิเคราะห์เตือนว่า การเรียกเก็บภาษีนำเข้าแทนที่จะช่วยปกป้องการจ้างงานในสหรัฐ จะกลับเป็นปัจจัยทำลายการจ้างงานในประเทศ เนื่องจากการเก็บภาษีจะทำให้ราคาสินค้าเพิ่มขึ้น และจะส่งผลกระทบต่อผู้ใช้เหล็กและอลูมิเนียม ซึ่งก็คืออุตสาหกรรมรถยนต์และน้ำมันของสหรัฐ

หุ้นกลุ่มบริษัทในภาคการผลิตที่ต้องใช้เหล็กและอลูมิเนียม เช่น เจนเนอรัล มอเตอร์ส และโบอิ้ง ต่างปรับตัวลดลงเมื่อคืนนี้ โดยหุ้นเจนเนอรัล มอเตอร์ส ปรับตัวลดลง 34 เซนต์ หรือ 0.9% ปิดที่ 37.43 ดอลลาร์ ส่วนหุ้นโบอิ้ง ร่วงหนัก 5.42 ดอลลาร์ หรือ 1.55% ปิดที่ 344.67 ดอลลาร์

นอกจากนี้ ดัชนีดาวโจนส์ยังได้รับปัจจัยกดดันจากหุ้นแมคโดนัลด์ ซึ่งร่วงลงถึง 4.8% ทำสถิติร่วงลงหนักสุดภายในวันเดียวนับตั้งแต่เดือนต.ค. 2551 เนื่องจากเมนูชุดคุ้มค่าที่แมคโดนัลด์ได้ออกใหม่นั้นมียอดขายที่น่าผิดหวัง

เมื่อนับรวมความเคลื่อนไหวทั้งสัปดาห์แล้ว ดัชนีทั้ง 3 ปรับตัวลดลง โดยดัชนีดาวโจนส์ ดัชนี S&P500 และดัชนี Nasdaq ปรับตัวลดลง 3%, 2% และ 1.1% ตามลำดับ


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ