ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดปรับตัวลดลงติดต่อกันเป็นวันที่ 4 เมื่อวันศุกร์ (2 มี.ค.) จากการที่นักลงทุนยังคงมีความวิตกเกี่ยวกับการทำสงครามการค้า หลังประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ประกาศว่า สหรัฐจะเรียกเก็บภาษีนำเข้าเหล็กและอลูมิเนียมในสัปดาห์นี้
อย่างไรก็ดี ดัชนี S&P500 และดัชนี Nasdaq ปิดตลาดปรับตัวเพิ่มขึ้น เนื่องจากนักลงทุนกลุ่มนี้มองว่า ปฏิกิริยาตอบกลับที่ตลาดมีต่อการประกาศเรียกเก็บภาษีนำเข้าเหล็กและอลูมิเนียมนั้นเลยเถิดเกินไป
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 24,538.06 จุด ลดลง 70.92 จุด หรือ -0.29% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,691.25 จุด เพิ่มขึ้น 13.58 จุด หรือ 0.51% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 7,257.87 จุด เพิ่มขึ้น 77.31 จุด หรือ 1.08%
ดัชนีดาวโจนส์ปิดตลาดในแดนลบติดต่อกันต่อเนื่อง โดยนักลงทุนยังคงมีความวิตกหลังปธน.ทรัมป์ทวีตข้อความว่า การทำสงครามการค้าเป็นเรื่องที่ดีสำหรับสหรัฐ และเป็นเรื่องง่ายที่จะชนะ
"เมื่อประเทศหนึ่ง (สหรัฐ) ต้องสูญเสียเงินหลายพันล้านดอลลาร์ในการทำการค้ากับแทบทุกประเทศ การทำสงครามการค้าก็ถือว่าเป็นเรื่องที่ดี และชนะได้ง่าย ยกตัวอย่างเช่น เมื่อเราต้องสูญเสียเงิน 1 แสนล้านดอลลาร์กับบางประเทศ เราก็อย่าได้ทำการค้าต่อไปอีก เราก็จะชนะอย่างยิ่งใหญ่ นี่เป็นเรื่องง่ายๆ" ข้อความในทวิตเตอร์ระบุ
ปธน.ทรัมป์ทวีตข้อความดังกล่าว หลังจากที่ก่อนหน้านั้น เขาได้ประกาศว่า สหรัฐจะเรียกเก็บภาษีนำเข้าเหล็กในอัตรา 25% และอลูมิเนียม 10% ในสัปดาห์นี้ โดยมาตรการดังกล่าวมีเป้าหมายที่จะปกป้องภาคอุตสาหกรรมของสหรัฐ
อย่างไรก็ตาม ปธน.ทรัมป์ไม่ได้เปิดเผยรายชื่อประเทศที่จะถูกเรียกเก็บภาษีดังกล่าว และระยะเวลาที่สหรัฐจะดำเนินการเก็บภาษี
ทางด้านนักวิเคราะห์เตือนว่า การเรียกเก็บภาษีนำเข้าแทนที่จะช่วยปกป้องการจ้างงานในสหรัฐ จะกลับเป็นปัจจัยทำลายการจ้างงานในประเทศ เนื่องจากการเก็บภาษีจะทำให้ราคาสินค้าเพิ่มขึ้น และจะส่งผลกระทบต่อผู้ใช้เหล็กและอลูมิเนียม ซึ่งก็คืออุตสาหกรรมรถยนต์และน้ำมันของสหรัฐ
หุ้นกลุ่มบริษัทในภาคการผลิตที่ต้องใช้เหล็กและอลูมิเนียม เช่น เจนเนอรัล มอเตอร์ส และโบอิ้ง ต่างปรับตัวลดลงเมื่อคืนนี้ โดยหุ้นเจนเนอรัล มอเตอร์ส ปรับตัวลดลง 34 เซนต์ หรือ 0.9% ปิดที่ 37.43 ดอลลาร์ ส่วนหุ้นโบอิ้ง ร่วงหนัก 5.42 ดอลลาร์ หรือ 1.55% ปิดที่ 344.67 ดอลลาร์
นอกจากนี้ ดัชนีดาวโจนส์ยังได้รับปัจจัยกดดันจากหุ้นแมคโดนัลด์ ซึ่งร่วงลงถึง 4.8% ทำสถิติร่วงลงหนักสุดภายในวันเดียวนับตั้งแต่เดือนต.ค. 2551 เนื่องจากเมนูชุดคุ้มค่าที่แมคโดนัลด์ได้ออกใหม่นั้นมียอดขายที่น่าผิดหวัง
เมื่อนับรวมความเคลื่อนไหวทั้งสัปดาห์แล้ว ดัชนีทั้ง 3 ปรับตัวลดลง โดยดัชนีดาวโจนส์ ดัชนี S&P500 และดัชนี Nasdaq ปรับตัวลดลง 3%, 2% และ 1.1% ตามลำดับ