ตลาดหุ้นเอเชียปิดภาคเช้าวันนี้อ่อนตัวลง ในขณะที่เงินยูโรแข็งค่าขึ้น ภายหลังจากที่ผลการสำรวจความคิดเห็นประชาชนที่ไปใช้สิทธิเลือกตั้งของอิตาลีบ่งชี้ว่า จะเกิดภาวะที่ไม่มีพรรคการเมืองใดได้รับคะแนนเสียงข้างมากจนสามารถจัดตั้งรัฐบาลได้ ในขณะที่นักลงทุนยังคงติดตามสถานการณ์นโยบายการค้าของสหรัฐและนานาประเทศ ภายหลังจากที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐได้ประกาศเรียกเก็บภาษีนำเข้าเหล็กและอลูมิเนียมจากประเทศคู่ค้า
ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงปิดภาคเช้าที่ 30,238.71 จุด ลดลง 344.74 จุด, -1.13% ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นปิดภาคเช้าที่ 21,043.61 จุด ลดลง 138.03 จุด, -0.65% ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียปิดภาคเช้าที่ 1,840.93 จุด ลดลง 15.14 จุด, -0.82%
ข้อมูลเศรษฐกิจที่ได้มีการเปิดเผยในวันนี้ ได้แก่ ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคบริการของจีน ซึ่งมาร์กิตจัดทำร่วมกับไฉซิน ปรับตัวลงสู่ระดับ 54.2 ในเดือนก.พ. จากระดับ 54.7 ในเดือนม.ค. และต่ำกว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้ว่าจะอยู่ที่ระดับ 54.3
ดัชนี PMI ที่เคลื่อนไหวเหนือระดับ 50 บ่งชี้ว่าภาคบริการของจีนยังคงมีการขยายตัวในเดือนก.พ. แต่เป็นการขยายตัวในอัตราที่ชะลอลง
ขณะเดียวกัน ดัชนี PMI รวมภาคการผลิตและบริการของจีนในเดือนก.พ. ปรับตัวลดลงแตะ 53.3 จากระดับสูงสุดในรอบ 7 ปีที่ 53.7 ในเดือนม.ค.
สำหรับสถานการณ์การเลือกตั้งในอิตาลีนั้น ปรากฎว่า ไม่มีพรรคการเมืองใดครองเสียงข้างมากในสภา (Hung Parliament) หลังจากเอ็กซิทโพลระบุว่า พรรคฟอร์ซา อิตาเลีย ของนายซิลวิโอ แบร์ลุสโคนี อดีตนายกรัฐมนตรีของอิตาลี ซึ่งแม้ว่าได้ที่นั่งเป็นอันดับหนึ่งในสภาผู้แทนราษฎร จำนวน 225-265 ที่นั่ง แต่ก็ยังต่ำกว่าข้อกำหนดของพรรคเสียงข้างมากที่จะต้องมีถึง 316 ที่นั่ง
ส่วนพรรคที่ได้คะแนนตามมาเป็นอันดับ 2 คือพรรคไฟว์ สตาร์ มูฟเมนท์ (Five Star Movement หรือ M5S) ของนายลุยจิ ดิไมโอ ด้วยที่นั่งจำนวน 195-235 ที่นั่ง หรือคิดเป็นสัดส่วนราว 30%
ทางด้านพรรคเดโมเครติก พาร์ตี้ หรือพีดี ของนายมัตเตโอ เรนซี อดีตนายกรัฐมนตรีอิตาลี ได้คะแนนมาเป็นอันดับ 3 ด้วยที่นั่ง 115-155 ที่นั่ง โดยคาดว่าสาเหตุที่ทำให้พรรคของนายเรนซีได้คะแนนรั้งท้ายที่อันดับ 3 นั้น มาจากการที่ประชาชนไม่พอใจเกี่ยวกับอัตราแรงงานที่อยู่ในระดับสูงและนโยบายรับคนเข้าเมือง