ดัชนีดาวโจนส์ปรับตัวผันผวนในวันนี้ โดยแกว่งตัวสลับแดนบวกและลบ ตามปัจจัยข่าวที่เข้าตลาด โดยล่าสุดดัชนีดาวโจนส์ดีดตัวขึ้น จากการที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ทวีตข้อความขานรับความคืบหน้าในการแก้ไขความขัดแย้งกับเกาหลีเหนือ หลังจากที่เกาหลีเหนือส่งสัญญาณพร้อมเจรจากับสหรัฐเพื่อยุติโครงการนิวเคลียร์
ณ เวลา 01.15 น.ตามเวลาไทย ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์อยู่ที่ 24,924.76 จุด เพิ่มขึ้น 50.00 จุด หรือ 0.20%
ปธน.ทรัมป์ขานรับความคืบหน้าในการเจรจากับเกาหลีเหนือ หลังจากที่เกาหลีเหนือส่งสัญญาณพร้อมเจรจากับสหรัฐเพื่อยุติโครงการนิวเคลียร์ และยืนยันว่าจะระงับโครงการดังกล่าว ขณะที่การเจรจากำลังดำเนินไป
"กำลังมีความคืบหน้าในการเจรจากับเกาหลีเหนือ นี่เป็นครั้งแรกในรอบหลายปีที่ทุกฝ่ายได้ใช้ความพยายามอย่างจริงจัง ขณะนี้โลกกำลังจับตาดู และรอคอย แม้อาจจะเป็นความหวังลมๆแล้งๆ แต่สหรัฐก็พร้อมที่จะเดินหน้าไม่ว่าทิศทางใด" ข้อความในทวิตเตอร์ระบุ
ทำเนียบประธานาธิบดีเกาหลีใต้ออกแถลงการณ์ระบุว่า เกาหลีเหนือและเกาหลีใต้จะจัดการประชุมสุดยอดผู้นำเป็นครั้งแรกในรอบกว่า 10 ปีในปลายเดือนหน้า ซึ่งจะเป็นการพบปะกันเป็นครั้งแรกระหว่างนาย คิม จอง อึน ผู้นำเกาหลีเหนือ และนายมูน แจ อิน ประธานาธิบดีเกาหลีใต้
การประชุมสุดยอดดังกล่าวจะมีขึ้นที่หมู่บ้านปันมูนจอมในเขตปลอดทหารที่ตั้งอยู่บริเวณชายแดนเกาหลีเหนือและเกาหลีใต้
ก่อนหน้านี้ เกาหลีเหนือและเกาหลีใต้เคยจัดการประชุมสุดยอดเพียง 2 ครั้ง คือในปี 2543 และปี 2550
นอกจากนี้ เกาหลีเหนือและเกาหลีใต้จะมีการจัดตั้งสายด่วนฮอตไลน์ระหว่างผู้นำทั้งสอง หลังจากที่เกาหลีเหนือตัดสายด่วนดังกล่าวก่อนหน้านี้ ท่ามกลางความตึงเครียดที่เพิ่มขึ้นบนคาบสมุทรเกาหลี
ทำเนียบประธานาธิบดีเกาหลีใต้ออกแถลงการณ์ดังกล่าว หลังจากที่คณะผู้แทนพิเศษของเกาหลีใต้เดินทางกลับจากการเยือนเกาหลีเหนือซึ่งพวกเขาได้เข้าพบนายคิม จอง อึน และมีการสนทนาหารือกันนานกว่า 4 ชั่วโมงเมื่อวานนี้
นายชุง อุย ยอง ประธานสภาความมั่นคงแห่งชาติของเกาหลีใต้ ซึ่งเป็นผู้นำของคณะผู้แทนพิเศษดังกล่าว กล่าวว่า เกาหลีเหนือระบุว่าไม่มีความจำเป็นที่จะต้องรักษาโครงการนิวเคลียร์ไว้ ตราบใดที่ไม่มีภัยคุกคามทางทหารต่อเกาหลีเหนือ และระบอบการปกครองของเกาหลีเหนือยังคงมีความปลอดภัย
นายชุงยังกล่าวว่า เกาหลีเหนือพร้อมเปิดกว้างสำหรับการเจรจากับสหรัฐเกี่ยวกับการปลดอาวุธนิวเคลียร์ และการฟื้นฟูความสัมพันธ์ โดยเกาหลีเหนือจะระงับการดำเนินการด้านนิวเคลียร์ และขีปนาวุธในระหว่างที่การเจรจายังคงดำเนินไป ขณะเดียวกัน นักลงทุนคลายความกังวลเกี่ยวกับการทำสงครามการค้า หลังประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ส่งสัญญาณว่า สหรัฐอาจยกเลิกการเรียกเก็บภาษีนำเข้าเหล็กและอลูมิเนียม อย่างน้อยที่สุดสำหรับแคนาดาและเม็กซิโก หากมีการเจรจาข้อตกลงการค้าเสรีอเมริกาเหนือ (NAFTA) ที่เป็นธรรม
ปธน.ทรัมป์ประกาศเมื่อสัปดาห์ที่แล้วว่า สหรัฐจะเรียกเก็บภาษีนำเข้าเหล็กในอัตรา 25% และอลูมิเนียม 10% เพื่อที่จะปกป้องภาคอุตสาหกรรมของสหรัฐ
นักวิเคราะห์ระบุว่า แม้ปธน.ทรัมป์ยืนยันวานนี้ว่า เขาจะไม่ถอยหลังจากการเรียกเก็บภาษีดังกล่าว แต่การที่จะดำเนินการเก็บภาษีจริงอาจจะยังเป็นเรื่องที่ไม่แน่นอนในขณะนี้ เนื่องจากแนวคิดดังกล่าวกำลังเผชิญกับเสียงต่อต้านจากแวดวงนักการเมืองและนักการทูต
อย่างไรก็ดี ตลาดยังถูกกดดัน หลังมีข่าวว่า นายแกรี่ โคห์น หัวหน้าที่ปรึกษาฝ่ายเศรษฐกิจประจำทำเนียบขาว จะลาออกจากตำแหน่ง ถ้าหากสหรัฐประกาศเรียกเก็บภาษีนำเข้าเหล็กและอลูมิเนียม
สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า ปธน.ทรัมป์เชื่อว่า นายโคห์นจะลาออกจากตำแหน่ง ถ้าหากสหรัฐประกาศเรียกเก็บภาษีนำเข้าเหล็กและอลูมิเนียม
ทั้งนี้ นายโคห์นถือเป็นที่ปรึกษาที่น่าเชื่อถือสำหรับปธน.ทรัมป์สำหรับการให้คำแนะนำด้านเศรษฐกิจและตลาด
ปธน.ทรัมป์ทวีตข้อความในวันนี้ ระบุว่า เขาต้องการเปลี่ยนแปลงตำแหน่งของเจ้าหน้าที่บางคนในทำเนียบขาว พร้อมกับโต้ข่าวลือที่ว่ามีความสับสนวุ่นวายในคณะทำงานของทำเนียบขาว
"มีข่าวลวงใหม่ๆเกิดขึ้นมาว่า มีความวุ่นวายในทำเนียบขาว ไม่ใช่เลย เจ้าหน้าที่มักจะมาแล้วก็ไป และผมต้องการที่จะมีการหารือกันก่อนที่จะทำการตัดสินใจขั้นสุดท้าย ผมยังคงต้องการปรับตำแหน่งของคนบางคน (ผมเป็นคนที่มักต้องการความสมบูรณ์แบบ) ไม่มีความวุ่นวาย มีแต่พลังงานที่ยิ่งใหญ่" ข้อความในทวิตเตอร์ระบุ
นักลงทุนจับตาการกล่าวสุนทรพจน์ในวันนี้ของนายวิลเลียม ดัดลีย์ ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขานิวยอร์ก, นายโรเบิร์ต แคปแลน ประธานเฟด สาขาดัลลัส และนางลาเอล เบรนาร์ด หนึ่งในผู้ว่าการของเฟด เพื่อหาสัญญาณบ่งชี้เกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจ และเงินเฟ้อของสหรัฐ รวมทั้งทิศทางอัตราดอกเบี้ยในปีนี้
นายโรเบิร์ต แคปแลน ประธานเฟด สาขาดัลลัส กล่าวในวันนี้ว่า เขาสนับสนุนให้เฟดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 3 ครั้งในปีนี้ และการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในขณะนี้ จะทำให้สหรัฐมีโอกาสดีที่สุดในการผลักดันเศรษฐกิจให้คืบหน้าต่อไป
"เฟดควรปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 3 ครั้งในปีนี้ และผมคิดว่าเฟดควรรีบปรับขึ้น มากกว่าที่จะปล่อยให้ล่าช้าออกไป" เขากล่าว
CME Group ระบุว่า จากการใช้เครื่องมือ FedWatch วิเคราะห์ภาวะการซื้อขายสัญญาล่วงหน้าอัตราดอกเบี้ยสหรัฐ พบว่า นักลงทุนคาดการณ์ว่ามีโอกาสมากที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนนี้ ซึ่งเป็นครั้งแรกในปีนี้ และมีโอกาสที่จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยครั้งที่ 2 ในเดือนมิ.ย. และครั้งที่ 3 ในเดือนก.ย.
นายแคปแลนระบุว่า การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างต่อเนื่องถือว่ามีความจำเป็น ขณะที่อัตราการว่างงานอยู่ที่ระดับ 4.1% ในขณะนี้ ซึ่งบ่งชี้ถึงภาวะการจ้างงานเต็มศักยภาพ
"เราคิดว่าอัตราการว่างงานจะปรับตัวลงสู่ช่วง 3% ในปีนี้ ขณะที่การจ้างงานเต็มศักยภาพในขณะนี้ ซึ่งบ่งชี้ว่ามีคนจำนวนมากขึ้นที่มีงานทำ แต่ก็จะทำให้เกิดแรงกดดันมากขึ้น" นายแคปแลนกล่าว