ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดขยับขึ้นเพียงเล็กน้อยเมื่อคืนนี้ (6 มี.ค.) เนื่องจากนักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับข้อพิพาทด้านนโยบายการค้า หลังจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ยืนยันว่า เขาจะเดินหน้าแผนการเรียกเก็บภาษีนำเข้าเหล็กและอลูมิเนียม ขณะที่เจ้าหน้าที่ระดับสูงหลายคนของสหรัฐได้ออกมาแสดงท่าทีไม่เห็นด้วยกับเรื่องดังกล่าว ซึ่งรวมถึงนายแกรี่ โคห์น หัวหน้าที่ปรึกษาฝ่ายเศรษฐกิจประจำทำเนียบขาว ที่ประกาศว่าจะลาออก หากปธน.ทรัมป์ยังเดินหน้าแผนการเรียกเก็บภาษีนำเข้าสินค้าดังกล่าว
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 24,884.12 จุด เพิ่มขึ้น 9.36 จุด หรือ +0.04% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,728.12 จุด เพิ่มขึ้น 7.18 จุด หรือ +0.26% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 7,372.01 จุด เพิ่มขึ้น 41.30 จุด หรือ +0.56%
ภาวะการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กเป็นไปอย่างซบเซาเมื่อคืนนี้ เนื่องจากนักลงทุนเริ่มกลับมาวิตกกังวลเกี่ยวกับข้อพิพาทด้านนโยบายการค้า หลังจากปธน.ทรัมป์ได้ยืนยันกับผู้สื่อข่าวที่ทำเนียบขาวว่า เขาจะไม่ยอมเดินถอยหลังในเรื่องแผนเก็บภาษีนำเข้าเหล็กและอลูมิเนียม แม้ประเด็นดังกล่าวกำลังเป็นที่ถกเถียงกันในขณะนี้ก็ตาม
ด้านเจ้าหน้าที่ระดับสูงหลายคนของสหรัฐ ซึ่งรวมถึงนายพอล ไรอัน ประธานสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐ ได้ออกมาแสดงท่าทีต่อต้านมาตรการเรียกเก็บภาษีนำเข้าเหล็กและอลูมิเนียม พร้อมกับเรียกร้องให้ปธน.ทรัมป์ยกเลิกแผนการดังกล่าว
ขณะที่นายแกรี่ โคห์น หัวหน้าที่ปรึกษาฝ่ายเศรษฐกิจประจำทำเนียบขาว ได้ประกาศเมื่อวานนี้ว่า เขาจะลาออกหากปธน.ทรัมป์ยังเดินหน้าแผนการเรียกเก็บภาษีนำเข้าสินค้าดังกล่าว และล่าสุดในช่วงเช้าวันนี้ตามเวลาไทย นายโคห์นได้ตัดสินใจลาออกจากตำแหน่งแล้ว ซึ่งข่าวดังกล่าวได้สร้างความตื่นตระหนกให้กับนักลงทุน เนื่องจากนายโคห์นถือเป็นที่ปรึกษาที่น่าเชื่อถือสำหรับปธน.ทรัมป์สำหรับการให้คำแนะนำด้านเศรษฐกิจและตลาด
อย่างไรก็ตาม ตลาดหุ้นนิวยอร์กได้รับปัจจัยหนุนในระดับหนึ่ง จากรายงานข่าวที่ว่า เกาหลีเหนือและเกาหลีใต้จะจัดการประชุมสุดยอดผู้นำเป็นครั้งแรกในรอบกว่า 10 ปีในปลายเดือนหน้า ซึ่งจะเป็นการพบปะกันเป็นครั้งแรกระหว่างนาย คิม จอง อึน ผู้นำเกาหลีเหนือ และนายมูน แจ อิน ประธานาธิบดีเกาหลีใต้ โดยข่าวดังกล่าวช่วยให้นักลงทุนคลายความกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์ในคาบสมุทรเกาหลี
หุ้นทาร์เก็ต ซึ่งเป็นบริษัทค้าปลีกรายใหญ่ของสหรัฐ ร่วงลง 4.5% หลังจากบริษัทเปิดเผยกำไรในไตรมาส 4/2560 ที่ระดับ 1.37 ดอลลาร์/หุ้น ซึ่งต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 1.38 ดอลลาร์/หุ้น
หุ้นยูไนเต็ด พาร์เซิล เซอร์วิส ดีดตัวขึ้น 3.8% หลังจากนักวิเคราะห์ได้ปรับเพิ่มอันดับความน่าลงทุนของหุ้นยูไนเต็ด พาร์เซิล อันเนื่องมาจากการประกาศเพิ่มการจ่ายเงินปันผลของบริษัท
หุ้นควอลคอม อิงค์ ซึ่งเป็นบริษัทเซมิคอนดัคเตอร์รายใหญ่ของสหรัฐ ร่วงลง 2.9% หลังจากควอลคอมยังคงปฏิเสธข้อเสนอซื้อกิจการจากบรอดคอม ซึ่งเป็นผู้ผลิตชิพในธุรกิจสื่อสาร
สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจที่มีการเปิดเผยเมื่อคืนนี้ กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ยอดสั่งซื้อภาคโรงงานของสหรัฐดิ่งลงมากที่สุดในรอบ 6 เดือนในเดือนม.ค. โดยร่วงลง 1.4% หลังจากเพิ่มขึ้นติดต่อกัน 5 เดือน โดยยอดสั่งซื้อที่ดิ่งลงในเดือนม.ค.นั้น ได้รับผลกระทบจากการทรุดตัวของคำสั่งซื้อเครื่องบิน
นักลงทุนจับตาข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐในสัปดาห์นี้ ซึ่งได้แก่ ตัวเลขจ้างงานภาคเอกชนเดือนก.พ.จาก ADP, ดุลการค้าเดือนม.ค., รายงานสรุปภาวะเศรษฐกิจ หรือ Beige Book จากธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด), จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ และตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนก.พ.