ดัชนีดาวโจนส์ดิ่งลงกว่า 200 จุดในวันนี้ โดยถูกกระทบจากข่าวที่ว่า นายแกรี่ โคห์น หัวหน้าที่ปรึกษาฝ่ายเศรษฐกิจประจำทำเนียบขาว ได้ตัดสินใจลาออกจากตำแหน่ง ซึ่งสร้างความวิตกว่าอาจทำให้เกิดสงครามการค้าในไม่ช้า
ณ เวลา 22.14 น.ตามเวลาไทย ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์อยู่ที่ 24,673.55 จุด ลดลง 210.57 จุด หรือ 0.85%
หุ้นกลุ่มบริษัทที่ต้องใช้เหล็กในการผลิต เช่น โบอิ้ง และเจเนอรัล มอเตอร์ ต่างดิ่งลงในวันนี้
ทั้งนี้ นายโคห์นตัดสินใจลาออกจากตำแหน่งเมื่อวานนี้ เพื่อแสดงความไม่เห็นด้วยต่อการที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ประกาศเรียกเก็บภาษีนำเข้าเหล็กในอัตรา 25% และภาษีนำเข้าอลูมิเนียมในอัตรา 10%
นักลงทุนมองว่า การลาออกของนายโคห์นจะยิ่งทำให้ปธน.ทรัมป์เดินหน้าการใช้นโยบายกีดกันทางการค้า ซึ่งจะจุดปะทุให้เกิดสงครามการค้าทั่วโลก
ทางด้านปธน.ทรัมป์ได้ทวีตข้อความระบุว่า เขาจะสรรหาคนใหม่มาดำรงตำแหน่งหัวหน้าที่ปรึกษาฝ่ายเศรษฐกิจในไม่ช้านี้ ขณะที่มีการคาดการณ์กันว่า นายปีเตอร์ นาวาร์โร ผู้อำนวยการสภาการค้าแห่งชาติประจำทำเนียบขาว และนายแลร์รี่ คุดโลว์ นักวิเคราะห์สายอนุรักษ์นิยม เป็น 2 ตัวเก็งที่มีแนวโน้มได้รับเลือกให้ดำรงตำแหน่งหัวหน้าที่ปรึกษาฝ่ายเศรษฐกิจแทนนายโคห์น
นายโรเบิร์ต แคปแลน ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขาดัลลัส ปฏิเสธที่จะแสดงความคิดเห็นโดยตรงต่อผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นจากการที่ปธน.ทรัมป์เตรียมเรียกเก็บภาษีนำเข้าเหล็กและอลูมิเนียม
ทั้งนี้ นายแคปแลนระบุว่า เขายังไม่ปรับเปลี่ยนตัวเลขคาดการณ์ภาวะเศรษฐกิจสหรัฐ ซึ่งอาจได้รับผลกระทบจากการที่สหรัฐเรียกเก็บภาษีดังกล่าว
"ยังเร็วเกินไปที่จะบอกว่ารัฐบาลจะบังคับใช้นโยบายอะไร ซึ่งงานของผมไม่ใช่เป็นการวิเคราะห์ หรือแสดงความเห็นเกี่ยวกับสมมุติฐานใดๆ" เขากล่าว
อย่างไรก็ดี นายแคปแลนกล่าวว่า สิ่งใดก็ตามที่อาจกระทบความสัมพันธ์กับประเทศคู่ค้าของสหรัฐ เช่น เม็กซิโกและแคนาดา สิ่งนั้นก็จะไม่ช่วยให้เกิดประโยชน์ต่อสหรัฐ
ออโตเมติก ดาต้า โพรเซสซิ่ง อิงค์ (ADP) และมูดี้ส์ อนาลิติกส์ เปิดเผยว่า การจ้างงานของภาคเอกชนสหรัฐพุ่งขึ้น 235,000 ตำแหน่งในเดือนก.พ. สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 195,000 ตำแหน่ง หลังจากพุ่งขึ้น 244,000 ตำแหน่งในเดือนม.ค.
ตัวเลขการจ้างงานของภาคเอกชนสหรัฐพุ่งขึ้นมากกว่า 200,000 ตำแหน่งเป็นเดือนที่ 4 ติดต่อกันในเดือนก.พ.
ทั้งนี้ ภาคบริการมีการจ้างงานพุ่งขึ้น 198,000 ตำแหน่ง ขณะที่ภาคการผลิตมีการจ้างงานเพิ่มขึ้น 37,000 ตำแหน่ง