ตลาดหุ้นเอเชียปิดภาคเช้าปรับตัวสูงขึ้น ขานรับ"ทรัมป์"พร้อมพบ"คิม จอง อึน"

ตลาดหุ้นเอเชียปิดภาคเช้าวันนี้ปรับตัวสูงขึ้น ภายหลังจากที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐ ยินยอมที่จะพบปะกับนายคิม จอง อึน ผู้นำสูงสุดเกาหลีเหนือ ภายในเดือนพฤษภาคมนี้ แม้ว่า ผู้นำสหรัฐจะได้ลงนามคำสั่งประธานาธิบดี เพื่อเรียกเก็บภาษีนำเข้าเหล็กและอลูมิเนียมแล้วก็ตาม

ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงปิดภาคเช้าที่ 30,914.86 จุด เพิ่มขึ้น 260.34 จุด, +0.85% ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นปิดภาคเช้าที่ 21,554.67 จุด เพิ่มขึ้น 186.60 จุด, +0.87% ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียปิดภาคเช้าที่ 1,842.49 จุด เพิ่มขึ้น 2.87 จุด, +0.16%

ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์แห่งสหรัฐ ได้ลงนามในคำสั่งประธานาธิบดี เพื่อใช้มาตรการเรียกเก็บภาษีนำเข้าเหล็กในอัตรา 25% และอลูมิเนียม 10% จากประเทศต่างๆ ยกเว้นแคนาดาและเม็กซิโก โดยมาตรการดังกล่าวจะมีผลบังคับใช้ใน 15 วัน

การลงนามมีขึ้นที่ทำเนียบขาวเมื่อวานนี้ตามเวลาสหรัฐ หรือในช่วงเช้าตรู่วันนี้ตามเวลาไทย โดยปธน.ทรัมป์ได้แถลงภายหลังการลงนามว่า "อุตสาหกรรมเหล็กและอลูมิเนียมมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อความมั่นคงของประเทศของเรา ถ้าคุณไม่มีเหล็ก คุณก็ไม่มีประเทศ"

ธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) มีมติคงนโยบายการเงินผ่อนคลายเชิงรุกในการประชุมวันนี้ ตามที่ตลาดคาดการณ์ไว้ ซึ่งเป็นการส่งสัญญาณว่า BOJ มีความมุ่งมั่นที่จะบรรลุเป้าหมายเงินเฟ้อที่ระดับ 2%

คณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินของ BOJ ได้ตัดสินใจคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ระดับ -0.1% และเดินหน้าโครงการซื้อพันธบัตร โดยมีเป้าหมายที่จะรักษาอัตราผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 10 ปี ซึ่งเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อระยะยาว ให้เคลื่อนไหวที่ระดับ 0%

สำนักงานสถิติแห่งชาติจีน (NBS) รายงานว่า ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ซึ่งเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อที่สำคัญ ปรับตัวขึ้น 2.9% ในเดือนก.พ. เมื่อเทียบเป็นรายปี ซึ่งเพิ่มขึ้นจากเดือนม.ค.ที่ขยายตัวเพียง 1.5%

ขณะที่ดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) ซึ่งเป็นมาตรวัดต้นทุนสินค้าที่หน้าประตูโรงงาน ปรับตัวขึ้น 3.7% ในเดือนก.พ. เมื่อเทียบเป็นรายปี ซึ่งชะลอตัวลงจากเดือนม.ค.ที่เพิ่มขึ้น 4.3%

ธนาคารกลางจีนเปิดเผยว่า ยอดปล่อยเงินกู้ล็อตใหม่สกุลเงินหยวนประจำเดือนก.พ. อยู่ที่ระดับ 8.393 แสนล้านหยวน (ประมาณ 1.323 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ) ลดลง 3.264 แสนล้านหยวนจากช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้ว

รายงานของธนาคารกลางจีนระบุว่า ปริมาณเงินหมุนเวียนในระบบ M2 ซึ่งครอบคลุมเงินสดหมุนเวียนและเงินฝากทุกประเภท เพิ่มขึ้น 8.8% เมื่อเทียบเป็นรายปี แตะที่ 172.91 ล้านล้านหยวน ณ สิ้นเดือนก.พ. ซึ่งชะลอตัวลงจากเดือนม.ค.ที่มีการขยายตัว 8.6%

รัฐบาลญี่ปุ่นเปิดเผยว่า การใช้จ่ายภาคครัวเรือนปรับตัวขึ้น 1.9% เมื่อเทียบรายปี แตะที่ระดับ 289,703 เยน (หรือ 2,720 ดอลลาร์) ต่อครัวเรือนในเดือนม.ค.

อย่างไรก็ตาม อัตราค่าจ้างเฉลี่ยที่แท้จริงซึ่งปรับตามอัตราเงินเฟ้อประจำเดือนม.ค. ปรับตัวลง 0.9% เมื่อเทียบรายปี นับเป็นการปรับตัวลงเป็นเดือนที่สองติดต่อกัน ขณะอัตราการปรับตัวขึ้นของราคาสินค้าและบริการนั้นสูงกว่าของอัตราค่าจ้าง