ดัชนีดาวโจนส์เปิดแดนบวกในวันนี้ โดยฟื้นตัวขึ้น หลังจากดิ่งลง 171.58 จุด หรือ 0.68% เมื่อวานนี้ ซึ่งเป็นการปรับตัวลงมากที่สุดนับตั้งแต่วันที่ 1 มี.ค.
นักลงทุนเริ่มคลายความกังวลเกี่ยวกับสงครามการค้า และปัจจัยการเมืองในสหรัฐ
ณ เวลา 20.38 น.ตามเวลาไทย ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์อยู่ที่ 25,067.22 จุด เพิ่มขึ้น 60.19 จุด หรือ 0.24%
หุ้นกลุ่มธุรกิจรักษาสุขภาพพุ่งขึ้นนำตลาดวันนี้ ขณะที่หุ้นโกลด์แมน แซคส์ทะยานขึ้นมากที่สุดในการซื้อขายช่วงแรก
ตลาดหุ้นวอลล์สตรีทร่วงลงวานนี้ หลังประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ประกาศปลดนายเร็กซ์ ทิลเลอร์สัน ออกจากตำแหน่งรัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐ หลังจากเกิดความขัดแย้งด้านนโยบายต่างประเทศหลายครั้งในช่วงที่ผ่านมา นอกจากนี้ นักลงทุนยังวิตกกังวลเกี่ยวกับสงครามการค้าระหว่างสหรัฐและจีน หลังจากสื่อรายงานว่า ปธน.ทรัมป์มีแผนที่จะออกมาตรการเรียกเก็บภาษีสินค้านำเข้าจากจีน โดยพุ่งเป้าไปที่สินค้าในอุตสาหกรรมเทคโนโลยีและการสื่อสาร รวมทั้งอาจมีการจำกัดการออกวีซ่าต่อชาวจีนที่ต้องการเดินทางเข้าสู่สหรัฐ
ราคาหุ้นของควอลคอมม์ อิงค์ ซึ่งเป็นผู้จำหน่ายชิพโทรศัพท์มือถือรายใหญ่ระดับโลก ดีดตัวขึ้นในวันนี้ หลังจากบริษัทบรอดคอม ซึ่งเป็นบริษัทเซมิคอนดัคเตอร์รายใหญ่ที่มีสำนักงานใหญ่อยู่ในสิงคโปร์ ได้ประกาศยกเลิกอย่างเป็นทางการต่อข้อเสนอซื้อกิจการควอลคอมม์
การประกาศยกเลิกข้อเสนอดังกล่าวมีขึ้น หลังจากที่ปธน.ทรัมป์ได้ลงนามในคำสั่งประธานาธิบดีเมื่อวันจันทร์ เพื่อสกัดข้อเสนอซื้อกิจการดังกล่าว โดยอ้างเหตุผลด้านความมั่นคงของชาติ
ทางการสหรัฐมีความกังวลว่า บริษัทบรอดคอมซึ่งเป็นบริษัทต่างชาติ อาจมีพฤติกรรมขัดขวางการวิจัยและพัฒนาของควอลคอมม์หลังจากที่ซื้อกิจการแล้ว และจงใจทำให้บริษัทควอลคอมม์มีศักยภาพทางการแข่งขันลดลงเมื่อเทียบกับคู่แข่งจากชาติอื่นๆ เช่น จีน
กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า ดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) ปรับตัวขึ้น 0.2% ในเดือนก.พ.เมื่อเทียบรายเดือน หลังจากเพิ่มขึ้น 0.4% ในเดือนม.ค.
การดีดตัวขึ้นของดัชนี PPI ได้รับแรงหนุนจากการเพิ่มขึ้นของค่าใช้จ่ายในภาคบริการ
เมื่อเทียบรายปี ดัชนี PPI เพิ่มขึ้น 2.8% หลังจากเพิ่มขึ้น 2.7% ในเดือนม.ค.
นักวิเคราะห์คาดการณ์ก่อนหน้านี้ว่า ดัชนี PPI ปรับตัวขึ้น 0.1% ในเดือนก.พ.เมื่อเทียบรายเดือน และเพิ่มขึ้น 2.8% เมื่อเทียบรายปี
ส่วนดัชนี PPI พื้นฐาน ซึ่งไม่นับรวมหมวดอาหาร, พลังงาน และภาคบริการ เพิ่มขึ้น 0.4% ในเดือนก.พ. เมื่อเทียบรายเดือน หลังจากเพิ่มขึ้น 0.4% เช่นกันในเดือนม.ค.
เมื่อเทียบรายปี ดัชนี PPI พื้นฐานพุ่งขึ้น 2.7% ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นมากที่สุดนับตั้งแต่เดือนส.ค.2557 หลังจากเพิ่มขึ้น 2.5% ในเดือนม.ค.
กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ยอดค้าปลีกร่วงลงเป็นเดือนที่ 3 ในเดือนก.พ. ซึ่งเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนเม.ย.2555 ที่ยอดค้าปลีกลดลง 3 เดือนติดต่อกัน
ทั้งนี้ ยอดค้าปลีกปรับตัวลง 0.1% ในเดือนก.พ. สวนทางนักวิเคราะห์ที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 0.3% หลังจากที่ปรับตัวลง 0.1% ในเดือนม.ค.
ยอดค้าปลีกที่ปรับตัวลงในเดือนก.พ. ได้รับผลกระทบจากการดิ่งลงของยอดขายรถยนต์
อย่างไรก็ดี เมื่อเทียบรายปี ยอดค้าปลีกเพิ่มขึ้น 4.0% ในเดือนก.พ.
ส่วนยอดค้าปลีกพื้นฐาน ซึ่งไม่รวมยอดขายรถยนต์ น้ำมัน วัสดุก่อสร้าง และอาหาร ปรับตัวขึ้น 0.1% ในเดือนก.พ. หลังจากทรงตัวในเดือนม.ค.
นักลงทุนจับตาการประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในวันที่ 20-21 มี.ค. ขณะที่ CME Group ระบุว่า จากการใช้เครื่องมือ FedWatch วิเคราะห์ภาวะการซื้อขายสัญญาล่วงหน้าอัตราดอกเบี้ยสหรัฐ พบว่า นักลงทุนคาดการณ์ว่ามีโอกาส 86% ที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนนี้ ซึ่งเป็นครั้งแรกในปีนี้ และมีโอกาสที่จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยครั้งที่ 2 ในเดือนมิ.ย. และครั้งที่ 3 ในเดือนก.ย.