ดัชนีดาวโจนส์ดีดตัวกว่า 100 จุดจากคำสั่งซื้อเก็งกำไรในวันนี้ หลังจากทรุดตัวลงมากกว่า 700 จุดเมื่อคืนนี้ ท่ามกลางความวิตกเกี่ยวกับการทำสงครามการค้าระหว่างสหรัฐและจีน
ณ เวลา 21.09 น.ตามเวลาไทย ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์อยู่ที่ 24,071.48 จุด เพิ่มขึ้น 113.59 จุด หรือ 0.47%
หุ้นกลุ่มพลังงานพุ่งขึ้นนำตลาดวันนี้ ขณะที่หุ้นไนกี้ทะยานขึ้นมากที่สุดในการซื้อขายช่วงแรก
ทั้งนี้ ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ได้ลงนามในคำสั่งประธานาธิบดีเมื่อวานนี้ เพื่อเรียกเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากจีนวงเงิน 6 หมื่นล้านดอลลาร์ ซึ่งจะเป็นการลงโทษจีนที่ได้ขโมยทรัพย์สินทางปัญญาของบริษัทสหรัฐ ขณะที่รัฐบาลจีนตอบโต้ด้วยการประกาศมาตรการเรียกเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากสหรัฐวงเงิน 3 พันล้านดอลลาร์
ขณะเดียวกัน นักลงทุนจับตาสถานการณ์การเมืองของสหรัฐ หลังปธน.ทรัมป์ขู่ที่จะไม่ลงนามในร่างกฎหมายงบประมาณวงเงิน 1.3 ล้านล้านดอลลาร์ แม้ว่าเพิ่งผ่านการอนุมัติจากสภาคองเกรสก็ตาม
ปธน.ทรัมป์ทวีตข้อความในวันนี้ ระบุว่า เขาจะวีโต้งบประมาณฉบับนี้ เนื่องจากไม่ได้มีการระบุถึงการต่ออายุโครงการคุ้มครองผู้อพยพวัยเยาว์ที่เดินทางเข้ามาในสหรัฐ (DACA) และไม่มีการเพิ่มงบประมาณสำหรับการสร้างกำแพงตามแนวชายแดนเม็กซิโก
"ผมกำลังพิจารณาวีโต้งบประมาณรายจ่ายจากความจริงที่ว่าพรรคเดโมแครตละเลยที่จะระบุถึงผู้มีสิทธิจำนวนมากกว่า 8 แสนคนที่จะได้รับประโยชน์จากโครงการ DACA และไม่มีการให้งบประมาณสนับสนุนโครงการสร้างกำแพงกั้นชายแดน ซึ่งเป็นสิ่งที่จำเป็นอย่างมากสำหรับการป้องกันประเทศของเรา" ข้อความในทวิตเตอร์ระบุ
หากปธน.ทรัมป์ไม่ได้ลงนามในร่างกฎหมายงบประมาณวงเงิน 1.3 ล้านล้านดอลลาร์ก่อนกำหนดเส้นตายในเวลาเที่ยงคืนนี้ตามเวลาสหรัฐ หรือในวันพรุ่งนี้เวลา 11.00 น.ตามเวลาไทย สหรัฐก็จะเผชิญกับการปิดหน่วยงานของรัฐ (ชัตดาวน์) เป็นครั้งที่ 3 ในปีนี้
ทั้งนี้ วุฒิสภาสหรัฐลงมติอนุมัติร่างกฎหมายงบประมาณดังกล่าว ด้วยคะแนนเสียง 65 ต่อ 32 หลังจากเมื่อวานนี้ สภาผู้แทนราษฎรสหรัฐได้ลงมติอนุมัติด้วยคะแนนเสียง 256 ต่อ 167
ร่างงบประมาณฉบับนี้ช่วยให้รัฐบาลสหรัฐมีงบประมาณในการบริหารประเทศไปจนถึงสิ้นเดือนก.ย. โดยจะมีการเพิ่มการใช้จ่ายทางทหาร และเพิ่มงบประมาณสำหรับการรักษาความมั่นคงตามแนวชายแดน รวมทั้งเพิ่มงบประมาณสำหรับโครงสร้างพื้นฐาน และมาตรการในการควบคุมการขายอาวุธปืน และปรับปรุงระบบความปลอดภัยในโรงเรียน