ดัชนีดาวโจนส์ปรับตัวขึ้นอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดทะยานกว่า 200 จุด ขณะที่นักลงทุนคลายความวิตกเกี่ยวกับสงครามการค้าระหว่างสหรัฐและจีน
ณ เวลา 23.00 น.ตามเวลาไทย ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์อยู่ที่ 24,417.95 จุด เพิ่มขึ้น 215.35 จุด หรือ 0.89%
หุ้นกลุ่มสื่อสารพุ่งขึ้นนำตลาดวันนี้ ขณะที่หุ้นเจเนอรัล อิเลคทริคทะยานขึ้นมากที่สุด
ดัชนีดาวโจนส์ปิดทะยานขึ้น 669.40 จุด หรือ 2.84% เมื่อคืนนี้ ซึ่งเป็นการปรับตัวขึ้นมากที่สุดภายใน 1 วันนับตั้งแต่เดือนส.ค.2558 หลังจากมีรายงานว่า จีนได้ประกาศความพร้อมที่จะเปิดการเจรจากับสหรัฐเพื่อแก้ไขความขัดแย้งทางการค้า โดยข่าวดังกล่าวช่วยให้นักลงทุนคลายความวิตกกังวลเกี่ยวกับการทำสงครามการค้าระหว่างสหรัฐและจีน
ราคาหุ้นเฟซบุ๊กร่วงลงสวนทางตลาดในวันนี้ โดยปรับตัวลง 0.8% สู่ระดับ 158.11 ดอลลาร์ หลังจากที่แบงก์ ออฟ อเมริกา เมอร์ริล ลินช์ (BAML) ประกาศปรับลดราคาเป้าหมายของหุ้นเฟซบุ๊กเป็นครั้งที่ 2 ในรอบ 5 วัน หลังจากที่คณะกรรมาธิการการค้าของรัฐบาลกลางสหรัฐ (FTC) ยืนยันข่าวที่ว่า FTC กำลังสอบสวนเฟซบุ๊กกรณีเกิดการรั่วไหลของข้อมูลส่วนตัวของผู้ใช้บริการจำนวน 50 ล้านราย
ทั้งนี้ BAML ปรับลดราคาเป้าหมายในช่วง 12 เดือนข้างหน้าของหุ้นเฟซบุ๊กสู่ระดับ 210 ดอลลาร์ จากเดิมที่ 230 ดอลลาร์
เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว BAML ปรับลดราคาเป้าหมายในช่วง 12 เดือนข้างหน้าของหุ้นเฟซบุ๊กสู่ระดับ 230 ดอลลาร์ จากเดิมที่ 265 ดอลลาร์
FTC เปิดเผยว่ากำลังสอบสวนเฟซบุ๊กเกี่ยวกับแนวทางการปฏิบัติของบริษัทต่อข้อมูลส่วนตัวของผู้ใช้บริการ หลังจากแคมบริดจ์ อนาลิติกา ซึ่งเป็นบริษัทวิเคราะห์การเมือง สามารถเข้าถึงข้อมูลโปรไฟล์ของผู้ใช้บริการเฟซบุ๊กจำนวน 50 ล้านคนโดยไม่ได้รับอนุญาต และเอื้อประโยชน์ต่อทีมหาเสียงของนายโดนัลด์ ทรัมป์ในการเลือกตั้งประธานาธิบดีในปี 2559
เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว FTC ปฏิเสธที่จะยืนยันว่า FTC ได้ทำการสอบสวนเฟซบุ๊กหรือไม่ กรณีที่บริษัทอาจละเมิดข้อตกลงที่ทำไว้กับ FTC ในปี 2554 จากการใช้ข้อมูลส่วนตัวของผู้ใช้บริการ
หาก FTC พบว่าเฟซบุ๊กละเมิดข้อตกลง ก็จะส่งผลให้บริษัทถูกปรับเป็นเงินจำนวน 40,000 ดอลลาร์ต่อกระทง
ผลสำรวจของสแตนดาร์ด แอนด์ พัวร์/เคส ชิลเลอร์ระบุว่า ดัชนีราคาบ้านทั่วประเทศในสหรัฐพุ่งขึ้น 6.2% ในเดือนม.ค. เมื่อเทียบรายปี ใกล้เคียงระดับ 6.3% ในเดือนธ.ค. โดยได้แรงหนุนจากอุปสงค์ที่แข็งแกร่ง และภาวะสต็อกบ้านในระดับต่ำ
ราคาบ้านเพิ่มขึ้นสูงสุดในเมืองซีแอตเติล, ลาสเวกัส และซานฟรานซิสโก
ผลสำรวจของ Conference Board ระบุว่า ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคสหรัฐต่ำกว่าคาดในเดือนมี.ค. หลังจากดีดตัวขึ้นติดต่อกัน 2 เดือน
ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคสหรัฐร่วงลงสู่ระดับ 127.70 ในเดือนมี.ค. จากระดับ 130.80 ในเดือนก.พ. ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่ปี 2543 และต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 131
ทั้งนี้ ดัชนีดังกล่าวเป็นการสำรวจมุมมองของผู้บริโภค และความเชื่อมั่นต่อสภาวะธุรกิจ, สถานะการเงินส่วนบุคคล และการจ้างงาน
นักลงทุนจับตาการกล่าวสุนทรพจน์ของนายราฟาเอล บอสติค ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขาแอตแลนตา ในวันนี้ เพื่อหาสัญญาณบ่งชี้ภาวะเศรษฐกิจ, อัตราเงินเฟ้อ รวมทั้งทิศทางอัตราดอกเบี้ยสหรัฐในปีนี้