ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดร่วงลงเมื่อคืนนี้ (27 มี.ค.) เนื่องจากนักลงทุนกระหน่ำขายหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี หลังจากมีรายงานว่า คณะกรรมาธิการการค้าของรัฐบาลกลางสหรัฐ (FTC) กำลังเดินหน้าสอบสวนบริษัทเฟซบุ๊ก ในกรณีการรั่วไหลของข้อมูลผู้ใช้บริการเฟซบุ๊กจำนวน 50 ล้านคน ขณะที่นายมาร์ค ซัคเคอร์เบิร์ก ซีอีโอของเฟซบุ๊ก เตรียมเข้าให้การต่อสภาคองเกรสสหรัฐเพื่อชี้แจงเรื่องดังกล่าว
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 23,857.71 จุด ลดลง 344.89 จุด หรือ -1.43% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,612.62 จุด ลดลง 45.93 จุด หรือ -1.73% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 7,008.81 จุด ลดลง 211.74 จุด, -2.93%
ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดร่วงลงเมื่อคืนนี้ โดยได้รับแรงกดดันจากการดิ่งลงอย่างหนักของหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี อันเนื่องมาจากรายงานข่าวที่ว่า คณะกรรมาธิการการค้าของรัฐบาลกลางสหรัฐ (FTC) กำลังเดินหน้าสอบสวนเฟซบุ๊ก เกี่ยวกับแนวทางการปฏิบัติของบริษัทต่อข้อมูลส่วนตัวของผู้ใช้บริการ หลังจากแคมบริดจ์ อนาลิติกา ซึ่งเป็นบริษัทวิเคราะห์การเมือง สามารถเข้าถึงข้อมูลโปรไฟล์ของผู้ใช้บริการเฟซบุ๊กจำนวน 50 ล้านคนโดยไม่ได้รับอนุญาต และเอื้อประโยชน์ต่อทีมหาเสียงของนายโดนัลด์ ทรัมป์ในการเลือกตั้งประธานาธิบดีในปี 2559
รายงานระบุว่า นายมาร์ค ซัคเคอร์เบิร์ก ซีอีโอของเฟซบุ๊ก จะเข้าให้การต่อสภาคองเกรสเพื่อชี้แจงเกี่ยวกับกรณีการรั่วไหลของข้อมูลส่วนตัวของผู้ใช้บริการเฟซบุ๊กจำนวน 50 ล้านคน นอกจากนี้ นายแจ็ค ดอร์ซีย์ ซีอีโอของทวิตเตอร์ และนายซันดาร์ พิชัย ซีอีโอของกูเกิล เตรียมเข้าชี้แจงต่อคณะกรรมาธิการฝ่ายตุลาการประจำวุฒิสภาสหรัฐ เกี่ยวกับการรักษาข้อมูลส่วนตัวของผู้ใช้บริการ
ทั้งนี้ ข่าวดังกล่าวได้ฉุดหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีร่วงลงอย่างหนัก โดยหุ้นเฟซบุ๊ก ดิ่งลง 4.9% หุ้นทวิตเตอร์ ทรุดฮวบลง 12% หุ้นอัลฟาเบท ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของกูเกิล ร่วงลง 4.5% หุ้นไมโครซอฟท์ ปรับตัวลง 4.6% หุ้นเน็ตฟลิกซ์ ร่วงลง 6.1% หุ้นอเมซอนดอทคอม ดิ่งลง 3.7% หุ้นแอปเปิล ร่วงลง 2.5% ส่วนหุ้นผู้ผลิตชิปรายใหญ่ร่วงลงเช่นกัน โดยหุ้น Nvidia ดิ่งลง 7.8% และหุ้นแอดวานซ์ ไมโคร ดิไวซ์ (AMD) ร่วงลง 4.2%
หุ้นเทสลา มอเตอร์ ร่วงลง 8.2% หลังจากคณะกรรมการความปลอดภัยด้านการขนส่งแห่งชาติของสหรัฐได้เปิดฉากการสอบสวนกรณีผู้ใช้รถยนต์เทสลาประสบอุบัติเหตุจนเสียชีวิตเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา
หุ้นแมคคอร์มิค แอนด์ โค ซึ่งเป็นผู้ผลิตซอสและเครื่องเทศรายใหญ่ของสหรัฐ ดีดตัวขึ้น 0.3% หลังจากบริษัทเปิดเผยผลประกอบการที่ดีเกินคาด นอกจากนี้ บริษัทยังประกาศแผนขึ้นค่าจ้างและเงินโบนัสแก่พนักงาน หลังจากที่ได้รับผลประโยชน์จากมาตรการปรับลดภาษีของรัฐบาล
สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจที่มีการเปิดเผยเมื่อคืนนี้ ผลสำรวจของสแตนดาร์ด แอนด์ พัวร์/เคส ชิลเลอร์ระบุว่า ดัชนีราคาบ้านทั่วประเทศในสหรัฐพุ่งขึ้น 6.2% ในเดือนม.ค. เมื่อเทียบรายปี ใกล้เคียงระดับ 6.3% ในเดือนธ.ค. โดยได้แรงหนุนจากอุปสงค์ที่แข็งแกร่ง และภาวะสต็อกบ้านในระดับต่ำ
ขณะที่ผลสำรวจของ Conference Board ระบุว่า ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคสหรัฐร่วงลงสู่ระดับ 127.70 ในเดือนมี.ค. จากระดับ 130.80 ในเดือนก.พ. ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่ปี 2543 และต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 131
ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจด้านอื่นๆที่จะมีการเปิดเผยในสัปดาห์นี้ ได้แก่ ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ไตรมาส 4/2560, ยอดทำสัญญาขายบ้านที่รอปิดการขาย (pending home sales) เดือนก.พ., จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, ดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) เดือนก.พ. และความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนมี.ค.จากมหาวิทยาลัยมิชิแกน