ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นเมื่อคืนนี้ (29 มี.ค.) โดยได้แรงหนุนจากการดีดตัวขึ้นของหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี นำโดยหุ้นเฟซบุ๊ก และหุ้นไมโครซอฟท์ ขณะที่หุ้นกลุ่มพลังงานปรับตัวขึ้นตามทิศทางราคาน้ำมันดิบในตลาดนิวยอร์ก นอกจากนี้ ตลาดยังได้ปัจจัยหนุนจากข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งของสหรัฐ และจากการที่นักลงทุนบางกลุ่มเข้าซื้อหุ้นเพื่อตกแต่งบัญชี (window dressing) ในการซื้อขายวันสุดท้ายของไตรมาส 1/2561
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 24,103.11 จุด พุ่งขึ้น 254.69 จุด หรือ +1.07% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,640.87 จุด เพิ่มขึ้น 35.87 จุด หรือ +1.38% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 7,063.44 จุด เพิ่มขึ้น 114.22 จุด หรือ +1.64%
ตลาดหุ้นนิวยอร์กดีดตัวขึ้นอย่างแข็งแกร่งเมื่อคืนนี้ ขานรับข้อมูลเศรษฐกิจที่สดใสของสหรัฐ โดยกระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า จำนวนชาวอเมริกันที่ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกลดลง 12,000 ราย สู่ระดับ 215,000 ราย ในรอบสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 24 มี.ค. ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนม.ค. 2516 โดยตัวเลขผู้ที่ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกยังคงอยู่ต่ำกว่า 300,000 ราย เป็นสัปดาห์ที่ 158 ติดต่อกัน ซึ่งยาวนานที่สุดนับตั้งแต่ปี 2513
ทางด้านกระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า การใช้จ่ายผู้บริโภคปรับตัวเพิ่มขึ้น 0.2% ในเดือนก.พ. สอดคล้องกับที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ ส่วนดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) พื้นฐาน ซึ่งไม่นับรวมหมวดอาหารและพลังงาน และเป็นมาตรวัดอัตราเงินเฟ้อที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ให้ความสำคัญ เพิ่มขึ้น 0.2% ในเดือนก.พ. หลังจากที่เพิ่มขึ้น 0.3% ในเดือนม.ค.
หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีปรับตัวขึ้น โดยหุ้นเฟซบุ๊ก พุ่งขึ้น 4.4% หุ้นไมโครซอฟท์ ดีดขึ้น 2.1% หุ้นเน็ตฟลิกซ์ พุ่งขึ้น 3.5% หุ้นอเมซอน ปรับตัวขึ้น 1.1% หุ้นอัลฟาเบท ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของกูเกิล พุ่งขึ้น 3.2% และหุ้นแอปเปิล เพิ่มขึ้น 0.8%
ทั้งนี้ หุ้นเฟซบุ๊กดีดตัวขึ้นหลังจากบริษัทประกาศแผนการรักษาข้อมูลส่วนตัวของผู้ใช้งาน ซึ่งรวมถึงการควบคุมข้อมูลที่แลกเปลี่ยนกับบริษัทต่างๆ ซึ่งรวมถึง Acxiom Corp และ Oracle Corp โดยบริษัทเหล่านี้ทำงานร่วมกับเฟซบุ๊กในการรวบรวมข้อมูลพฤติกรรมผู้บริโภคเข้าสู่ระบบระบุเป้าหมายสำหรับการโฆษณา
ขณะที่หุ้นอเมซอนปรับตัวขึ้น หลังจากโฆษกทำเนียบขาวได้ออกมายืนยันว่า รัฐบาลสหรัฐยังไม่ได้พิจารณาการใช้มาตรการใดๆต่อบริษัทอเมซอน หลังจากหุ้นอเมซอนร่วงลงอย่างหนักเมื่อวันพุธที่ผ่านมา จากข่าวที่ว่า ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์กำลังพิจารณาใช้กฎหมายต่อต้านการผูกขาด เพื่อควบคุมอเมซอน รวมทั้งพิจารณาใช้มาตรการด้านภาษีต่ออเมซอนด้วยเช่นกัน
หุ้นกลุ่มพลังงานดีดตัวขึ้นหลังจากราคาน้ำมันดิบ WTI ฟื้นตัวขึ้นเมื่อคืนนี้ โดยหุ้นเอ็กซอน โมบิล พุ่งขึ้น 2.5% หุ้นเชฟรอน ปรับตัวขึ้น 1.7% หุ้นเชซาพีค เอนเนอร์จี เพิ่มขึ้น 1% หุ้นมาราธอน ออยล์ ทะยานขึ้น 5.2% และหุ้นฮัลลิเบอร์ตัน ดีดตัวขึ้น 1.9%
หุ้นกลุ่มอุตสาหกรรมปรับตัวขึ้น โดยหุ้นแคทเธอร์พิลลาร์ พุ่งขึ้น 1.5% หุ้นยูไนเต็ด เทคโนโลยีส์ ดีดขึ้น 1.1% และหุ้นโบอิ้ง พุ่งขึ้น 2.4%
ส่วนหุ้นกลุ่มการเงินดีดตัวขึ้นเช่นกัน โดยหุ้นเจพีมอร์แกน เชส แอนด์ โค พุ่งขึ้น 1.8% หุ้นแบงก์ ออฟ อเมริกา พุ่งขึ้น 2.06% หุ้นธนาคารเวลส์ ฟาร์โก พุ่งขึ้น 1.8% และหุ้นโกลด์แมน แซคส์ ปรับตัวขึ้น 1.02%
นักวิเคราะห์จากบริษัทหลักทรัพย์ฟอร์ท พิทท์ แคปิตอล ในสหรัฐกล่าวว่า หนึ่งในปัจจัยที่ช่วยหนุนตลาดหุ้นนิวยอร์กพุ่งขึ้นอย่างแข็งแกร่งเมื่อคืนนี้ มาจากการที่นักลงทุนบางกลุ่ม ซึ่งรวมถึงกลุ่มบริษัทจัดการกองทุน ได้เข้าซื้อหุ้นเพื่อการตกแต่งบัญชีในวันสุดท้ายของไตรมาส 1/2561 โดยเมื่อคืนนี้ตลาดหุ้นนิวยอร์กทำการซื้อขายเป็นวันสุดท้ายของไตรมาส 1 และตลาดจะปิดทำการซื้อขายในวันศุกร์ที่ 30 มี.ค. เนื่องในวัน Good Friday