ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นเมื่อคืนนี้ (3 เม.ย.) โดยได้แรงหนุนจากการดีดตัวขึ้นของหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี โดยเฉพาะอย่างยิ่งหุ้นในกลุ่ม FAANG (เฟซบุ๊ก แอปเปิล อเมซอน เน็ตฟลิกซ์ และกูเกิล) ขณะที่นักลงทุนจับตารายงานผลประกอบการของธนาคารรายใหญ่ของสหรัฐ รวมทั้งตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรประจำเดือนมี.ค.ของสหรัฐ
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 24,033.36 จุด พุ่งขึ้น 389.17 จุด หรือ +1.65% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,614.45 จุด เพิ่มขึ้น 32.57 จุด หรือ +1.26% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 6,941.28 จุด เพิ่มขึ้น 71.16 จุด หรือ +1.04%
หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีพุ่งขึ้นนำตลาด โดยหุ้นอเมซอน พุ่งขึ้น 1.5% หุ้นเน็ตฟลิกซ์ พุ่งขึ้น 1.2% หุ้นเฟซบุ๊ก ดีดตัวขึ้น 0.5% หุ้นอัลฟาเบท ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของกูเกิล ปรับตัวขึ้น 0.6% หุ้นไมโครซอฟท์ พุ่งขึ้น 1.3% หุ้นแอปเปิล พุ่งขึ้น 1.03% หุ้นอินเทล คอร์ป ดีดตัวขึ้น 1.7% หุ้นเทสลา ทะยานขึ้น 6% และหุ้นสปอติฟาย เทคโนโลยี พุ่งขึ้น 12.9%
ทั้งนี้ หุ้นอเมซอนได้รับแรงซื้อส่งเข้าหนุน แม้ว่าประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ได้ทวีตข้อความโจมตีบริษัทอเมซอนอีกครั้งเมื่อวานนี้ว่า อเมซอนทำธุรกิจโดยได้รับประโยชน์จากเงินภาษีของชาวสหรัฐจำนวนหลายพันล้านดอลลาร์ จากการที่บริษัทส่งสินค้าผ่านทางการไปรษณีย์สหรัฐ (USPS) ซึ่งคิดอัตราค่าส่งที่ต่ำ
ส่วนหุ้นเทสลาได้ปัจจัยหนุนจากการที่บริษัทยืนยันว่า ยังไม่มีความจำเป็นในการระดมทุนเพิ่มในปีนี้ พร้อมประกาศเพิ่มจำนวนการผลิตรถยนต์เทสลา โมเดล 3
หุ้นเจนเนอรัล มอเตอร์ (GM) พุ่งขึ้น 3.3% ขณะที่หุ้นฟอร์ด มอเตอร์ ดีดตัวขึ้น 2.7% หลังจากทั้งสองบริษัทเปิดเผยยอดขายรถยนต์ที่แข็งแกร่งในเดือนมี.ค.
หุ้นวอลมาร์ท ปรับตัวขึ้น 1.1% หลังจากสถานีโทรทัศน์ CNBC รายงานว่า วอลมาร์ทกำลังเจรจาเพื่อซื้อกิจการ พิลล์แพ็ค ซึ่งเป็นธุรกิจสตาร์ทอัพด้านเวชภัณฑ์ทางออนไลน์
หุ้นทเวนตี้ เฟิร์สต์ เซ็นจูรี ฟ็อกซ์ ขยับลง 0.3% หลังจากบริษัทได้เสนอให้มีการแยกธุรกิจสกาย นิวส์ ออกจากสกาย เพื่อปูทางให้รัฐบาลอังกฤษอนุมัติข้อเสนอของทเวนตี้ เฟิร์สต์ เซ็นจูรี ฟ็อกซ์ ในการเข้าซื้อหุ้น 61% ในบริษัทสกาย ซึ่งเป็นผู้ให้บริการเครือข่ายเคเบิลทีวีของยุโรป
นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า ตลาดหุ้นวอลล์สตรีทมีแนวโน้มพุ่งขึ้นในเดือนนี้ แม้ปรับตัวลงในไตรมาสแรก โดยนายไรอัน เดทริค นักวิเคราะห์อาวุโสของแอลพีแอล ไฟแนนเชียล กล่าวว่า ตามสถิติที่ผ่านมา ตลาดหุ้นวอลล์สตรีทมักพุ่งขึ้นอย่างแข็งแกร่งในเดือนเม.ย. โดยในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา ดัชนี S&P500 สามารถปรับตัวขึ้นถึง 9 ครั้งในเดือนเม.ย. และหากพิจารณาย้อนกลับไปถึงปี 2493 ดัชนีบวกขึ้นเฉลี่ย 1.5% ในเดือนดังกล่าว ทั้งนี้ นายเดทริคกล่าวว่า ปัจจัยทางเทคนิคยังบ่งชี้ว่าดัชนี S&P500 จะดีดตัวขึ้นในเดือนนี้
นักลงทุนจับตากลุ่มธนาคารขนาดใหญ่ของสหรัฐจะเริ่มรายงานผลประกอบการในไตรมาสแรกในวันที่ 13 เม.ย. ซึ่งหากบริษัทจดทะเบียนเหล่านี้รายงานกำไรตามที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ ก็จะเป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่หนุนตลาดหุ้นวอลล์สตรีทในเดือนนี้
นอกจากนี้ นักลงทุนยังจับตาข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐในสัปดาห์นี้ ซึ่งได้แก่ ตัวเลขจ้างงานภาคเอกชนเดือนมี.ค.จาก ADP, ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคบริการเดือนมี.ค.จากมาร์กิต, ดัชนีภาคบริการเดือนมี.ค.จากสถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM), คำสั่งซื้อภาคโรงงานเดือนก.พ., ยอดนำเข้า ยอดส่งออก และดุลการค้าเดือนก.พ., จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ และตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนมี.ค.