ตลาดหุ้นลอนดอนปิดปรับตัวลงเมื่อคืนนี้ (3 เม.ย.) เนื่องจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับสงครามการค้าระหว่างสหรัฐและจีน หลังจากที่จีนได้ออกมาตอบโต้สหรัฐด้วยการประกาศเรียกเก็บภาษีนำเข้าสินค้าต่างๆจากสหรัฐ จำนวนมากกว่า 100 รายการ นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงกดดันจากรายงานที่ว่า ดัชนี PMI ภาคการผลิตของอังกฤษมีการขยายตัวเพียงเล็กน้อยในเดือนมี.ค.
ทั้งนี้ ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,030.46 จุด ลดลง 26.15 จุด หรือ -0.37%
ตลาดหุ้นลอนดอนปิดร่วงลงเนื่องจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับผลกระทบของสงครามการค้า หลังจากที่รัฐบาลจีนได้ตัดสินใจเรียกเก็บภาษีนำเข้าสินค้า 120 รายการจากสหรัฐ ซึ่งรวมถึงผลไม้และผลิตภัณฑ์ต่างๆที่เกี่ยวข้องกับผลไม้ ในอัตรา 15% และเรียกเก็บภาษีนำเข้าสินค้าอีก 8 รายการ ซึ่งรวมถึงเนื้อหมูและผลิตภัณฑ์ต่างๆที่เกี่ยวข้องกับเนื้อหมู ในอัตรา 25%
มาตรการดังกล่าวของจีนถือเป็นการตอบโต้สหรัฐที่ประกาศเรียกเก็บภาษีนำเข้าเหล็กในอัตรา 25% และภาษีนำเข้าอลูมิเนียมในอัตรา 10% จากประเทศต่างๆ รวมถึงจีน
หุ้นแองโกล อเมริกัน ร่วงลง 1.3% หลังจากบริษัทประกาศระงับโครงการเหมืองแร่เหล็ก "Minas-Rio" ในบราซิล หลังจากที่พบรอยรั่วที่บริเวณท่อส่ง
หุ้นอินเตอร์คอนติเนนทัล คอนโซลิเดทเต็ด แอร์ไลนส์ ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของสายการบินบริติช แอร์เวย์ส ปรับตัวลง 0.8%
หุ้นสกาย ซึ่งเป็นผู้ให้บริการเครือข่ายเคเบิลทีวีของยุโรป พุ่งขึ้น 2.1% หลังจากบริษัททเวนตี้ เฟิร์สต์ เซ็นจูรี ฟ็อกซ์ ของนายรูเพิร์ท เมอร์ดอค เสนอให้มีการแยกธุรกิจสกาย นิวส์ ออกจากสกาย เพื่อปูทางให้รัฐบาลอังกฤษอนุมัติข้อเสนอของทเวนตี้ เฟิร์สต์ เซ็นจูรี ฟ็อกซ์ ในการเข้าซื้อหุ้น 61% ในสกาย
สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจของอังกฤษที่มีการเปิดเผยล่าสุด ไอเอชเอส มาร์กิต/ซีไอพีเอส รายงานว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตขั้นสุดท้ายของสหราชอาณาจักรปรับตัวเพิ่มขึ้นเล็กน้อยแตะ 55.1 ในเดือนมี.ค. จากระดับ 55.0 ในเดือนก.พ.
ทั้งนี้ ดัชนีที่อยู่สูงกว่าระดับ 50 บ่งชี้ว่า ภาคการผลิตของอังกฤษยังคงมีการขยายตัว โดยได้รับปัจจัยหนุนจากยอดการผลิตที่ขยายตัว แม้ยอดคำสั่งซื้อใหม่ชะลอตัวลง