ตลาดหุ้นเอเชียปิดภาคเช้าปรับตัวลง เนื่องจากนักลงทุนเริ่มกลับมาวิตกกังวลเกี่ยวกับผลกระทบของสงครามการค้าระหว่างสหรัฐและจีน โดยความกังวลในเรื่องดังกล่าวได้สกัดปัจจัยบวกจากการที่ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นกว่า 300 จุดเมื่อคืนนี้
ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นปิดภาคเช้าที่ 21,272.86 จุด ลดลง 19.43 จุด, -0.09% ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงปิดภาคเช้าที่ 30,157.40 จุด ลดลง 22.70 จุด, -0.08% ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียปิดภาคเช้าที่ 1,847.48 จุด ลดลง 3.30 จุด, -0.18%
ตลาดหุ้นเอเชียปิดภาคเช้าอ่อนแรงลง หลังจากที่พุ่งขึ้นแข็งแกร่งในช่วงเปิดทำการซื้อขาย โดยนักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับผลกระทบของการทำสงครามการค้าระหว่างสหรัฐและจีน หลังจากสำนักงานผู้แทนการค้าสหรัฐ (USTR) ได้เปิดเผยรายการสินค้าจำนวน 1,300 รายการของจีนที่จะถูกเรียกเก็บภาษีนำเข้าในอัตรา 25% ซึ่งครอบคลุมสินค้าอุตสาหกรรมเทคโนโลยี เช่น การแพทย์ การบิน และเซมิคอนดักเตอร์ ไปจนถึงสินค้าจำพวกเครื่องจักรและเคมีภัณฑ์
ทางด้านจีนได้ออกมาขู่ว่าจะยื่นเรื่องฟ้องร้องต่อองค์การการค้าโลก (WTO) และจะตอบโต้สหรัฐในระดับที่เท่าเทียมกัน
สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจที่มีการเปิดเผยในวันนี้ ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคบริการของจีน ซึ่งมาร์กิตจัดทำร่วมกับไฉซิน ปรับตัวลงสู่ระดับ 52.3 ในเดือนมี.ค. จากระดับ 54.2 ในเดือนก.พ. โดยดัชนี PMI ภาคบริการเดือนมี.ค.อยู่ที่ระดับต่ำสุดในรอบ 4 เดือน
รายงานของไฉซินระบุว่า ปัจจัยที่ทำให้ดัชนี PMI เดือนมี.ค.ชะลอตัวลงอย่างมากนั้น มาจากการที่ธุรกิจใหม่ๆ และจ้างงานในภาคการผลิตขยายตัวในอัตราที่ช้าลง ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่า อุปสงค์ในภาคบริการของจีนเริ่มซบเซาลง
ส่วนธนาคารกลางเกาหลีใต้เปิดเผยว่า ทุนสำรองเงินตราต่างประเทศของเกาหลีใต้ในเดือนมี.ค.ปรับตัวเพิ่มขึ้นทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 3.9675 แสนล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 1.95 พันล้านดอลลาร์จากระดับของเดือนก่อนหน้า เนื่องจากการอ่อนค่าของสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ ทำให้มูลค่าในการแปลงค่าของสินทรัพย์นอกสกุลเงินดอลลาร์ ปรับตัวสูงขึ้น