ตลาดหุ้นยุโรปปิดลบเมื่อคืนนี้ (4 เม.ย.) เนื่องจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับผลกระทบของการทำสงครามการค้าระหว่างสหรัฐและจีน นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงกดดันจากรายงานของสำนักงานสถิติแห่งสหภาพยุโรป (ยูโรสแตท) ซึ่งระบุว่า ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ของยูโรโซนปรับตัวขึ้นครั้งแรกในรอบ 4 เดือน โดยนักลงทุนกังวลว่าข้อมูลดังกล่าวอาจทำให้ธนาคารกลางยุโรป (ECB) เชื่อว่าอัตราเงินเฟ้อของยูโรโซนกำลังเคลื่อนตัวเข้าใกล้เป้าหมายของ ECB
ดัชนี Stoxx Europe 600 ลดลง 0.5% ปิดที่ระดับ 367.33 จุด
ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 11,957.90 จุด ลดลง 44.55 จุด หรือ -0.37% ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 5,141.80 จุด ลดลง 10.32 จุด หรือ -0.20% ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,034.01 จุด เพิ่มขึ้น 3.55 จุด หรือ +0.05%
ตลาดหุ้นยุโรปปิดในแดนลบเมื่อคืนนี้ เนื่องจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับผลกระทบของสงครามการค้า โดยเมื่อวานนี้กระทรวงการคลังจีนได้เปิดเผยรายการสินค้าของสหรัฐที่จะถูกเรียกเก็บภาษีนำเข้าในวงเงิน 5 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งประกอบด้วยสินค้า 106 รายการใน 14 หมวดสินค้า รวมถึงถั่วเหลือง รถยนต์ เครื่องบิน อาวุธยุทโธปกรณ์ และเคมีภัณฑ์ โดยรัฐบาลจีนจะเก็บภาษีสินค้านำเข้าจากสหรัฐในอัตรา 25% ซึ่งเป็นอัตราเดียวกับที่สหรัฐเรียกเก็บจากจีน
ทั้งนี้ ความเคลื่อนไหวดังกล่าวของจีนมีขึ้นหลังจากสำนักงานผู้แทนการค้าสหรัฐ (USTR) ได้เปิดเผยรายการสินค้าของจีนที่จะถูกเรียกเก็บภาษีนำเข้าในอัตรา 25% จำนวน 1,300 รายการ คิดเป็นวงเงินรวม 5 หมื่นล้านดอลลาร์ โดยมีเป้าหมายที่จะบีบให้จีนผ่อนปรนกฎระเบียบด้านการค้าและการลงทุน
นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงกดดันหลังจากยูโรสแตทเปิดเผยเมื่อวานนี้ว่า ดัชนี CPI เบื้องต้นของยูโรโซนในเดือนมี.ค. ปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 1.4% เมื่อเทียบรายปี โดยเพิ่มขึ้นจากระดับ 1.1% ในเดือนก.พ. ส่วนดัชนี CPI พื้นฐาน ซึ่งไม่นับหมวดพลังงานและอาหาร และเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อที่ ECB ให้ความสำคัญนั้น เพิ่มขึ้นแตะ 1.3% เมื่อเทียบรายปีในเดือนมี.ค. ซึ่งเพิ่มขึ้นจากระดับ 1.2% ในเดือนก.พ.
หุ้นกลุ่มเหมืองแร่ร่วงลง นำโดยหุ้นแองโกล อเมริกัน ดิ่งลง 3.2% หุ้นริโอทินโต ร่วงลง 2.6% และหุ้นบีเอชพี บิลลิตัน ปรับตัวลง 2.5% โดยหุ้นกลุ่มเหมืองแร่ถือเป็นหุ้นที่มีความอ่อนไหวต่อสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในประเทศจีน เนื่องจากจีนเป็นผู้นำเข้าโลหะรายใหญ่ของโลก
หุ้นดับเบิลยูพีพี ซึ่งเป็นบริษัทโฆษณารายใหญ่ ร่วงลง 2% หลังจากบริษัทประกาศแต่งตั้งหน่วยงานอิสระให้เข้ามาสอบสอนนายมาร์ติน ซอร์เรลล์ ผู้บริหารของบริษัท ในข้อหาประพฤติมิชอบ
หุ้นกลุ่มซูเปอร์มาร์เก็ตปรับตัวผันผวน โดยมอร์ริสัน พุ่งขึ้น 2.9% หุ้นเซนส์บิวรี่ ขยับลง 0.1% และหุ้นเทสโก้ ร่วงลง 1.3%
ส่วนหุ้นกลุ่มรถยนต์ร่วงลงเนื่องจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับผลกระทบของสงครามการค้าเช่นกัน โดยหุ้นบีเอ็มดับเบิลยู ดิ่งลง 1.4% หุ้นเดมเลอร์ ลดลง 0.7% หุ้นโฟล์คสวาเกน ขยับลง 0.7% หุ้นเฟียต ไคร์สเลอร์ ออโต้โมบิล ปรับตัวลง 0.5%