ตลาดหุ้นลอนดอนปิดตลาดปรับตัวลดลงเมื่อคืนนี้ (6 เม.ย.) โดยได้รับผลกระทบจากความกังวลเกี่ยวกับการที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เปิดศึกการค้ากับจีนรอบใหม่
ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,183.64 จุด ลดลง 15.86 จุด, หรือ -0.22%
ภาวะการซื้อขายในตลาดหุ้นลอนดอนเป็นไปในทิศทางเดียวกับตลาดหุ้นสหรัฐที่ได้รับปัจจัยกดดัน หลังประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ สั่งการให้สำนักงานผู้แทนการค้าสหรัฐ (USTR) พิจารณารายการสินค้านำเข้าจากจีนที่สหรัฐอาจเรียกเก็บภาษีเพิ่มอีก 1 แสนล้านดอลลาร์
ปธน.ทรัมป์กล่าวว่า เขาได้ขอให้นายโรเบิร์ต ไลท์ไทเซอร์ ผู้แทนการค้าสหรัฐ พิจารณาว่าการเก็บภาษีนำเข้าอีก 1 แสนล้านดอลลาร์นั้นเหมาะสมหรือไม่ภายใต้มาตรา 301 และหากเหมาะสม ก็ขอให้ระบุรายการสินค้าที่จะเรียกเก็บภาษีดังกล่าว
ปธน.ทรัมป์ระบุว่า การดำเนินการดังกล่าวเป็นเพราะจีนได้ตอบโต้อย่างไม่เป็นธรรมต่อการที่สหรัฐประกาศเรียกเก็บภาษีนำเข้าจากจีนวงเงิน 5 หมื่นล้านดอลลาร์
ด้านโฆษกกระทรวงพาณิชย์ของจีนประกาศเมื่อวานนี้ว่า จีนจะตอบโต้สหรัฐไม่ว่าด้วยวิธีการใดก็ตาม และจะใช้มาตรการตอบโต้อย่างครอบคลุม หากสหรัฐยังคงเดินหน้ากีดกันการค้าแต่เพียงฝ่ายเดียว
สำหรับหุ้นที่ได้รับผลกระทบเป็นอย่างมากในการซื้อขายเมื่อคืนนี้คือหุ้นกลุ่มเหมืองแร่ เนื่องจากจีนเป็นประเทศที่ซื้อโลหะเพื่ออุตสาหกรรมและโลหะมีค่ารายใหญ่ของโลก โดยหุ้นเกลนคอร์ ปรับตัวลดลง 2.12% หุ้นริโอ ทินโต ปรับตัวลดลง 2.35% และหุ้นบีเอชพี บิลลิตัน ปรับตัวลดลง 1.50%