ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดร่วงลงเมื่อคืนนี้ (11 เม.ย.) เนื่องจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับความเป็นไปได้ที่สหรัฐจะใช้มาตรการทางทหารต่อซีเรีย หลังจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ขู่ว่าสหรัฐจะยิงขีปนาวุธถล่มซีเรีย เพื่อตอบโต้รัฐบาลของประธานาธิบดีบาชาร์ อัล-อัสซาดที่ใช้อาวุธเคมีสังหารประชาชน นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงกดดันจากรายงานการประชุมประจำเดือนมี.ค.ของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ซึ่งระบุว่า กรรมการเฟดต่างก็สนับสนุนให้เร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย เพื่อรับมือกับภาวะเศรษฐกิจและเงินเฟ้อที่มีแนวโน้มขยายตัวแข็งแกร่งขึ้น
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 24,189.45 จุด ร่วงลง 218.55 จุด หรือ -0.90% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,642.19 จุด ลดลง 14.68 จุด หรือ -0.55% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 7,069.03 จุด ลดลง 25.27 จุด หรือ -0.36%
บรรยากาศการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กเมื่อคืนนี้ได้รับแรงกดดันจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับวิกฤตการณ์ในซีเรีย รวมทั้งความสัมพันธ์อันตึงเครียดระหว่างสหรัฐและรัสเซีย โดยปธน.ทรัมป์ได้ทวีตข้อความเมื่อวานนี้ว่า สหรัฐจะยิงขีปนาวุธถล่มซีเรีย เพื่อตอบโต้จากการที่รัฐบาลซีเรียใช้อาวุธเคมีสังหารประชาชน
ปธน.ทรัมป์ยังกล่าวด้วยว่า ความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐและรัสเซียกำลังตกต่ำลงเป็นประวัติการณ์ สืบเนื่องมาจากการที่สหรัฐเชื่อว่า รัสเซียอยู่เบื้องหลังการใช้อาวุธเคมีสังหารประชาชนในซีเรีย โดยการทวีตข้อความล่าสุดของปธน.ทรัมป์ระบุว่า "รัสเซียบอกว่าจะยิงสกัดขีปนาวุธทุกลูกที่โจมตีซีเรีย ดังนั้น รัสเซียเตรียมพร้อมได้เลย เพราะมันจะมาแน่ เป็นขีปนาวุธรุ่นใหม่ที่ดีและฉลาด คุณไม่ควรเป็นเพื่อนกับสัตว์ที่ใช้ก๊าซพิษฆ่าประชาชนของตนเอง และมีความสุขกับเรื่องนี้"
นอกจากนี้ ตลาดหุ้นนิวยอร์กยังได้รับแรงกดดันหลังจากเฟดได้เปิดเผยรายงานการประชุมประจำวันที่ 20-21 มี.ค. เมื่อวานนี้ โดยระบุว่า กรรมการเฟดหลายคนได้สนับสนุนให้เร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย เมื่อพิจารณาจากภาวะเศรษฐกิจและเงินเฟ้อที่มีแนวโน้มขยายตัวแข็งแกร่งขึ้น
"กรรมการเฟดมองว่า กิจกรรมทางเศรษฐกิจของสหรัฐมีแนวโน้มแข็งแกร่งขึ้น และเชื่อว่าในระยะกลางนี้ อัตราเงินเฟ้อจะดีดตัวขึ้นสู่ระดับ 2% ซึ่งสัญญาณเหล่านี้บ่งชี้ว่า การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยระยะสั้น (federal funds rate) ให้รวดเร็วขึ้นในช่วง 2-3 ปีข้างหน้านี้ ถือเป็นเรื่องที่เหมาะสม" รายงานการประชุมระบุ
หุ้นทเวนตี้ เฟิร์สต์ เซ็นจูรี ฟ็อกซ์ ปรับตัวลง 0.3% หลังจากมีรายงานว่า เจ้าหน้าที่ของสหภาพยุโรปได้รุดเข้าตรวจสอบสำนักงานของทเวนตี้ เฟิร์สต์ เซ็นจูรี ฟ็อกซ์ ในประเทศอังกฤษ เพื่อหาหลักฐานเกี่ยวกับการละเมิดกฎหมายต่อต้านการผูกขาด
หุ้นเฟซบุ๊ก ดีดตัวขึ้น 0.8% หลังจากนายมาร์ค ซัคเคอร์เบิร์ก ซีอีโอของเฟซบุ๊ก ได้เข้าให้การต่อสภาคองเกรสเมื่อวานนี้ กรณีการรั่วไหลของข้อมูลส่วนตัวของผู้ใช้บริการเฟซบุ๊กจำนวน 50 ล้านคน โดยนายซัคเคอร์เบิร์กได้กล่าวคำขอโทษต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
ส่วนหุ้นของบริษัทจีนที่จดทะเบียนในตลาดหุ้นนิวยอร์กร่วงลงเช่นกัน โดยหุ้นอาลีบาบา ปรับตัวลงราว 1% หุ้น JD.com ลดลง 0.6% และหุ้นยัม ไชน่า โฮลดิ้งส์ ปรับตัวลง 0.7%
หุ้นแมทเทล ดีดตัวขึ้น 6.6% หลังจากนักวิเคราะห์จากบริษัทหลักทรัพย์เจฟเฟอรีส์ ได้ปรับเพิ่มน้ำหนักความน่าลงทุนของหุ้นแมทเทล สู่ระดับ "neutral" จากระดับ "underperform"
หุ้นคาร์นิวัล ซึ่งเป็นผู้ให้บริการเรือสำราญ พุ่งขึ้น 2% หลังจากบริษัทประกาศปรับเพิ่มการจ่ายเงินปันผล
นักลงทุนจับตาการรายงานผลประกอบการของธนาคารรายใหญ่ โดยเจพีมอร์แกน เชส, ซิตี้กรุ๊ป และเวลส์ ฟาร์โก จะเปิดเผยผลประกอบการไตรมาสแรกในวันพรุ่งนี้
สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจของสหรัฐที่มีการเปิดเผยเมื่อคืนนี้ กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ลดลง 0.1% ในเดือนมี.ค. เมื่อเทียบรายเดือน ซึ่งเป็นการร่วงลงครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนพ.ค.ปีที่แล้ว โดยมีสาเหตุจากการร่วงลงของราคาน้ำมันเบนซิน
ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจด้านอื่นๆของสหรัฐที่จะมีการเปิดเผยในสัปดาห์นี้ ได้แก่ ราคานำเข้าและส่งออกเดือนมี.ค., จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ และดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเบื้องต้นเดือนเม.ย.จากมหาวิทยาลัยมิชิแกน