ตลาดหุ้นลอนดอนปิดลบเมื่อคืนนี้ (11 เม.ย.) เนื่องจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์ความขัดแย้งในซีเรีย หลังจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ขู่ว่า สหรัฐจะยิงขีปนาวุธถล่มซีเรีย เพื่อตอบโต้จากการที่รัฐบาลซีเรียใช้อาวุธเคมีสังหารประชาชน นอกจากนี้ ตลาดหุ้นลอนดอนยังได้รับปัจจัยลบจากรายงานที่ว่า การผลิตภาคอุตสาหกรรมของอังกฤษปรับตัวลงครั้งแรกรอบเกือบ 1 ปีในเดือนก.พ.
ทั้งนี้ ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,257.14 จุด ลดลง 9.61 จุด หรือ -0.13%
บรรยากาศการซื้อขายในตลาดหุ้นลอนดอนได้รับแรงกดดันจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับวิกฤตการณ์ในซีเรีย รวมทั้งความสัมพันธ์อันตึงเครียดระหว่างสหรัฐและรัสเซีย โดยปธน.ทรัมป์ได้ทวีตข้อความเมื่อวานนี้ว่า สหรัฐจะยิงขีปนาวุธถล่มซีเรีย เพื่อตอบโต้จากการที่รัฐบาลซีเรียใช้อาวุธเคมีสังหารประชาชน
นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับปัจจัยลบจากรายงานของสำนักงานสถิติแห่งชาติของอังกฤษ (ONS) ซึ่งระบุว่า ตัวเลขการผลิตในภาคอุตสาหกรรมร่วงลง 0.2% ในเดือนก.พ. เมื่อเทียบรายเดือน ซึ่งเป็นการปรับตัวลงเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนมี.ค.ปีที่แล้ว และสวนทางกับที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจะปรับตัวขึ้น 0.2%
หุ้นเทสโก้ พุ่งขึ้น 7.2% ซึ่งเป็นปัจจัยที่ช่วยสกัดแรงลบของตลาดหุ้นลอนดอนเมื่อคืนนี้ หลังจากบริษัทค้าปลีกยักษ์ใหญ่รายนี้ได้ประกาศการจ่ายเงินปันผลเป็นครั้งแรกในรอบ 4 ปี ภายหลังจากกำไรก่อนหักภาษีของบริษัทปรับตัวเพิ่มขึ้นหลายเท่า
หุ้น Evraz ซึ่งเป็นบริษัทเหมืองแร่และเหล็กที่ดำเนินงานในรัสเซีย และมีสำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ในกรุงลอนดอน ดีดตัวขึ้น 1.3% อย่างไรก็ตาม ราคาหุ้น Evraz ได้ร่วงลงกว่า 12% ในสัปดาห์นี้ อันเนื่องมาจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับข่าวสหรัฐประกาศคว่ำบาตรรัสเซียรอบใหม่
หุ้นเอซอส พีแอลซี ซึ่งเป็นบริษัทค้าปลีกเสื้อผ้าออนไลน์ ดิ่งลง 2.4% แม้บริษัทเปิดเผยว่า กำไรก่อนหักภาษีในช่วงครึ่งแรกของปีงบการเงิน 2561 เพิ่มขึ้น 10% และจำนวนลูกค้าที่เยี่ยมชมเว็บไซต์ของบริษัทพุ่งทะลุ 1 พันล้านคนเป็นครั้งแรก