ตลาดหุ้นลอนดอนปิดขยับขึ้นเล็กน้อยเมื่อคืนนี้ (12 เม.ย.) หลังจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ระบุว่า การยิงขีปนาวุธโจมตีซีเรียอาจจะยังไม่เกิดขึ้นในเร็วๆนี้ อย่างไรก็ตาม นักลงทุนยังคงจับตาสถานการณ์ในซีเรียอย่างใกล้ชิด หลังจากมีรายงานว่า รัฐบาลอังกฤษได้เตรียมความพร้อมด้านการทหารสำหรับการโจมตีซีเรีย
ทั้งนี้ ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,258.34 จุด เพิ่มขึ้น 1.20 จุด หรือ +0.02%
ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ได้ทวีตข้อความเมื่อวานนี้ว่า การยิงขีปนาวุธโจมตีซีเรียอาจจะยังไม่เกิดขึ้นในเร็วๆนี้ อย่างไรก็ตาม นักลงทุนยังคงจับตาสถานการณ์ในซีเรียอย่างใกล้ชิด หลังจากหนังสือพิมพ์เดลี่ เทเลกราฟรายงานว่า นางเทเรซา เมย์ นายกรัฐมนตรีอังกฤษ มีคำสั่งให้ส่งเรือดำน้ำอังกฤษเข้าไปในรัศมีทำการสำหรับการยิงขีปนาวุธโจมตีซีเรีย เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับปฏิบัติการทางทหาร
ทั้งนี้ นางเมย์ยังไม่ได้ตัดสินใจขั้นสุดท้ายว่าอังกฤษจะเข้าร่วมปฏิบัติการทางทหารโจมตีซีเรียร่วมกับสหรัฐและฝรั่งเศสหรือไม่ แต่ก็ต้องการเตรียมความพร้อม หากต้องดำเนินการโจมตีอย่างรวดเร็ว
หุ้นไชร์ ซึ่งเป็นบริษัทเวชภัณฑ์รายใหญ่ พุ่งขึ้น 2.7% หลังจากมีรายงานว่า บริษัททาเคดะ ฟาร์มาซูติคัล ของญี่ปุ่น กำลังเจรจากับสถาบันการเงินบางแห่งเพื่อกู้ยืมเงินในการเข้าซื้อกิจการบริษัทไชร์
หุ้นอินเตอร์เนชันแนล แอร์ไลน์ (IAG) ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของสายการบินบริติช แอร์ไลน์ ร่วงลง 1.1% หลังจาก IAG ส่งสัญญาณว่าอาจเข้าซื้อกิจการสายการบินแอร์ ชัทเทิล ซึ่งเป็นสายการบินต้นทุนต่ำของนอร์เวย์ ขณะที่ข่าวดังกล่าวช่วยหนุนหุ้นแอร์ ชัทเทิล พุ่งขึ้นแข็งแกร่งถึง 47%
หุ้นเกลนคอร์ ซึ่งเป็นบริษัทเหมืองรายใหญ่ ปิดตลาดทรงตัว หลังจากมีรายงานว่า เกลนคอร์ได้ประกาศ "ภาวะสุดวิสัย (force majeure)" เกี่ยวกับสัญญาการผลิตอลูมิเนียมบางส่วน โดยมีสาเหตุมาจากการที่สหรัฐได้ประกาศคว่ำบาตรรัสเซีย ซึ่งรวมถึงบริษัทยูไนเต็ด คอมพานี รูซัล
ทั้งนี้ ภาวะสุดวิสัยเป็นส่วนหนึ่งที่ระบุในสัญญาซึ่งจัดทำขึ้นเพื่อช่วยให้คู่สัญญาฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งเป็นอิสระจากข้อบังคับทางกฎหมาย เมื่อเกิดเหตุการณ์ที่ไม่สามารถควบคุมได้ อาทิ ข้อพิพาทด้านแรงงาน สถานการณ์ตึงเครียดด้านการเมือง การก่อการร้าย และภัยพิบัติทางธรรมชาติ
หุ้นแกล็คโซสมิธไคลน์ (GSK) ปรับตัวลง 0.5% หลังจากฟิทช์ เรทติ้งส์ ได้ประกาศลดแนวโน้มความน่าเชื่อถือของบริษัทแกล็คโซสมิธไคลน์ ลงสู่ระดับ "เชิงลบ" จากระดับ "มีเสถียรภาพ" อันเนื่องมาจากความไม่มั่นใจเกี่ยวกับแผนการระดมเงินทุนของ GSK ที่จะใช้ในการเข้าซื้อหุ้น 36.5% ในบริษัทโนวาร์ทิส