ตลาดหุ้นยุโรปปิดบวกเมื่อคืนนี้ (13 เม.ย.) โดยได้ปัจจัยหนุนจากการที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์แห่งสหรัฐ สั่งการให้ที่ปรึกษาทางเศรษฐกิจพิจารณาความเป็นไปได้ที่สหรัฐจะกลับเข้าเป็นสมาชิกของข้อตกลงหุ้นส่วนยุทธศาสตร์เศรษฐกิจภาคพื้นแปซิฟิก (TPP)
ดัชนี Stoxx Europe 600 เพิ่มขึ้น 0.38% ปิดที่ 379.20 จุด
ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,264.56 จุด เพิ่มขึ้น 6.22 จุด หรือ +0.09% ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 12,442.40 จุด เพิ่มขึ้น 27.39 จุด หรือ +0.22% ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 5,315.02 จุด เพิ่มขึ้น 5.80 จุด หรือ +0.11%
ตลาดหุ้นยุโรปปรับตัวขึ้นหลังจากแหล่งข่าวจากวุฒิสภาสหรัฐออกมาเปิดเผยว่าประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ได้เชิญตัวนายแลร์รี่ คุดโลว์ ที่ปรึกษาเศรษฐกิจประจำทำเนียบขาว และนายโรเบิร์ต ไลท์ไทเซอร์ ผู้แทนการค้าสหรัฐ เข้าพบที่ทำเนียบขาวเพื่อพิจารณาการกลับเข้าเป็นสมาชิก TPP
แหล่งข่าวกล่าวว่า ข้อตกลง TPP จะถือเป็นทางออกที่ดีที่สุดในการรับมือกับข้อพิพาททางการค้ากับจีน
"ทางออกหนึ่งเดียวคือ การที่สหรัฐเป็นผู้นำของประเทศที่มีการเคารพกฎหมายในแปซิฟิก ซึ่งมีแนวโน้มที่จะเข้าข้างสหรัฐมากกว่าที่จะเข้าข้างจีน" แหล่งข่าวกล่าว
นอกจากนี้ นักลงทุนยังคลายความวิตกกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์ตึงเครียดในซีเรีย หลังจากปธน.ทรัมป์ได้ทวีตข้อความเมื่อวานนี้ว่า การยิงขีปนาวุธโจมตีซีเรียอาจจะยังไม่เกิดขึ้นในเร็วๆนี้ โดยคำกล่าวของปธน.ทรัมป์สอดคล้องกับที่นางซาราห์ แซนเดอร์ส โฆษกทำเนียบขาวได้แถลงต่อผู้สื่อข่าวว่า รัฐบาลสหรัฐยังไม่ได้ตัดสินใจในขั้นตอนสุดท้ายเกี่ยวกับการโจมตีซีเรีย โดยขณะนี้ยังอยู่ในขั้นตอนการเตรียมทางเลือกเอาไว้ทุกทาง
หุ้นโรลส์-รอยซ์ ผู้ผลิตเครื่องยนต์สำหรับเครื่องบิน ลดลง 1.6% ส่วนหุ้นโฟล์คสวาเกนปรับตัวขึ้น 0.4% และหุ้นอัลสตอมพุ่งขึ้น 4.3% หลังบริษัทประกาศเซ็นสัญญามูลค่า 1.8 พันล้านยูโร (2.22 พันล้านดอลลาร์) กับผู้ผลิตรถไฟสัญชาติฝรั่งเศสเพื่อติดตั้งระบบรถไฟไร้คนขับความเร็ว 60 กม./ชม.ที่มอลทรีออล