ดัชนีดาวโจนส์พุ่งขึ้นเกือบ 200 จุดในวันนี้ โดยไม่ได้รับผลกระทบจากการที่สหรัฐและชาติพันธมิตรโจมตีซีเรียเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา
นอกจากนี้ การเปิดเผยผลประกอบการที่สดใส และยอดค้าปลีกที่พุ่งขึ้นเกินคาด ได้เป็นปัจจัยหนุนตลาดในวันนี้
ณ เวลา 21.02 น.ตามเวลาไทย ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์อยู่ที่ 24,544.84 จุด เพิ่มขึ้น 184.70 จุด หรือ 0.76%
ทั้งนี้ นักลงทุนคลายความวิตกต่อการโจมตีซีเรียของสหรัฐและชาติพันธมิตรเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา เนื่องจากไม่ได้สร้างความเผชิญหน้ากันระหว่างสหรัฐและรัสเซีย โดยเป็นการโจมตีในขอบเขตจำกัดที่มีการกำหนดเป้าหมายอย่างชัดเจน
ทางด้านนางลินซีย์ เบลล์ นักวิเคราะห์ของ CFRA คาดการณ์ว่า ผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนในสหรัฐจะพุ่งขึ้น 16.3% ในไตรมาสแรก ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 7 ปี จากระดับ 10.4% ในช่วงต้นปี
"นี่เป็นตัวเลขการขยายตัวที่ดีที่สุดนับตั้งแต่ปี 2554 ซึ่งขณะนั้นดัชนี S&P 500 กำลังฟื้นตัวขึ้นจากภาวะเศรษฐกิจถดถอย" นางเบลล์ระบุ
ก่อนหน้านี้ ผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนทะยานขึ้น 19.5% ในไตรมาสแรกของปี 2554
มีการคาดการณ์กันว่า ผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนได้รับแรงหนุนจากมาตรการปรับลดภาษีเงินได้นิติบุคคลของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์จากระดับ 35% สู่ระดับ 21%
ราคาหุ้นแบงก์ ออฟ อเมริกาดีดตัวขึ้นในวันนี้ หลังจากที่ทางธนาคารเปิดเผยว่ามีกำไรและรายได้ในไตรมาส 1 สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ โดยได้แรงหนุนจากการขยายตัวของสินเชื่อ และมาตรการปรับลดอัตราภาษีของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์
ทั้งนี้ แบงก์ ออฟ อเมริกา ระบุว่า ธนาคารมีกำไร 62 เซนต์/หุ้น สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 59 เซนต์/หุ้น
ขณะเดียวกัน ธนาคารมีรายได้ 2.31 หมื่นล้านดอลลาร์ สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 2.3059 หมื่นล้านดอลลาร์
แบงก์ ออฟ อเมริการะบุว่า ธุรกิจปล่อยสินเชื่อของทางธนาคารมีการเติบโต 5% ในไตรมาสแรก เมื่อเทียบรายปี สู่ระดับ 8.64 แสนล้านดอลลาร์
นอกจากนี้ การที่สภาคองเกรสผ่านกฎหมายปฏิรูปภาษีในปีที่แล้ว ก็ได้ช่วยให้การชำระภาษีของแบงก์ ออฟ อเมริกาลดลง 9%
ทางด้านกระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ยอดค้าปลีกฟื้นตัวขึ้นในเดือนมี.ค. หลังจากร่วงลงติดต่อกัน 3 เดือน
ทั้งนี้ ยอดค้าปลีกปรับตัวขึ้น 0.6% ในเดือนมี.ค. สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจะเพิ่มขึ้น 0.4% หลังจากที่ปรับตัวลง 0.1% ในเดือนก.พ.
ยอดค้าปลีกที่ดีดตัวขึ้นในเดือนมี.ค. ได้รับแรงหนุนจากการพุ่งขึ้นของยอดขายรถยนต์
เมื่อเทียบรายปี ยอดค้าปลีกเพิ่มขึ้น 4.5% ในเดือนมี.ค.
ส่วนยอดค้าปลีกพื้นฐาน ซึ่งไม่รวมยอดขายรถยนต์ น้ำมัน วัสดุก่อสร้าง และอาหาร ปรับตัวขึ้น 0.4% ในเดือนมี.ค. หลังจากทรงตัวในเดือนก.พ.
นักลงทุนจับตาการกล่าวสุนทรพจน์ของนายราฟาเอล บอสติค ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขาแอตแลนตา และนายโรเบิร์ต แคปแลน ประธานเฟด สาขาดัลลัสในวันนี้ เพื่อหาสัญญาณบ่งชี้ภาวะเศรษฐกิจ และอัตราเงินเฟ้อ รวมทั้งทิศทางอัตราดอกเบี้ยสหรัฐในปีนี้