ตลาดหุ้นยุโรปปิดลบเมื่อคืนนี้ (16 เม.ย.) เนื่องจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับความเป็นไปได้ที่สหรัฐจะประกาศคว่ำบาตรรัสเซียรอบใหม่ ซึ่งอาจจะส่งผลกระทบต่อบริษัทยุโรปที่เข้าไปลงทุนในรัสเซีย
ดัชนี Stoxx Europe 600 ลดลง 0.4% ปิดที่ 377.74 จุด
ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 12,391.41 จุด ลดลง 50.99 จุด หรือ -0.41% ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 5,312.96 จุด ลดลง 2.06 จุด หรือ -0.04% และดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,198.20 จุด ลดลง 66.36 จุด หรือ -0.91%
บรรยากาศการซื้อขายในตลาดหุ้นยุโรปได้รับแรงกดดันจากความวิตกกังวลที่ว่า คณะทำงานของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ อาจจะประกาศคว่ำบาตรรัสเซียรอบใหม่ โดยพุ่งเป้าไปยังบริษัทหรือองค์กรที่เกี่ยวข้องกับการใช้อาวุธเคมีโจมตีซีเรีย
ทั้งนี้ นางนิกกี้ ฮาร์ลีย์ เอกอัครราชทูตผู้แทนถาวรสหรัฐประจำสหประชาชาติ ระบุว่า สหรัฐจะออกมาตรการคว่ำบาตรครั้งใหม่ต่อรัสเซียเพื่อตอบโต้การใช้อาวุธเคมีในซีเรีย
หุ้นบริษัทที่เข้าไปลงทุนในรัสเซียต่างก็พากันร่วงลง โดยหุ้นบีพี ร่วงลง 1.6% ขณะที่หุ้น Evraz ซึ่งเป็นผู้ผลิตเหล็กรายใหญ่ ดิ่งลง 7% และหุ้นโพลีเมทัล ซึ่งเป็นบริษัทเหมืองในรัสเซีย ดิ่งลง 9.5%
หุ้นดับเบิลยูพีพี ซึ่งเป็นบริษัทโฆษณารายใหญ่ของยุโรป ร่วงลง 6.5% หลังจากมีรายงานว่า นายมาร์ติน ซอร์เรลล์ ซึ่งเป็นประธานเจ้าหน้าที่บริหารของบริษัทมาอย่างยาวนานนั้น ได้ประกาศลาออก หลังจากเผชิญการสอบสวนเกี่ยวกับความประพฤติมิชอบ
หุ้นซอฟต์แวร์ เอจี เอสโอดับเบิลยู ซึ่งเป็นบริษัทซอฟต์แวร์รายใหญ่ของเยอรมนี ร่วงลง 6.1% หลังจากบริษัทเปิดเผยผลประกอบการไตรมาสแรกร่วงลง
หุ้นวิทเบรด พุ่งขึ้น 7.2% หลังจากมีรายงานว่าบริษัทอิลเลียต แมเนจเมนท์ได้เข้าซื้อหุ้นมากกว่า 6% ในวิทเบรด ซึ่งเป็นผู้ดำเนินงานเครือโรงแรมพรีเมียร์ อินน์
นักวิเคราะห์กล่าวว่า ตลาดหุ้นยุโรปได้รับปัจจัยหนุนในระดับหนึ่ง จากการที่นักลงทุนคลายความวิตกกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์ซีเรีย เนื่องจากการโจมตีซีเรียของสหรัฐและชาติพันธมิตรเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมานั้น ไม่ได้สร้างความเผชิญหน้ากันระหว่างสหรัฐและรัสเซีย เนื่องจากเป็นการโจมตีในขอบเขตจำกัดที่มีการกำหนดเป้าหมายอย่างชัดเจน