ตลาดหุ้นเอเชียปิดตลาดภาคเช้าวันนี้ขยับขึ้นเล็กน้อย ภายหลังจากที่นักลงทุนได้ซึมซับข้อมูลผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ไตรมาส 1 ของจีนที่ขยายตัวสอดคล้องกับการคาดการณ์ อย่างไรก็ดี นักลงทุนยังคงติดตามสถานการณ์ที่เกี่ยวข้องกับซีเรีย รวมทั้งนโยบายการค้าระหว่างจีนและสหรัฐ ภายหลังจากที่กระทรวงพาณิชย์สหรัฐได้ประกาศห้ามไม่ให้บริษัทของสหรัฐขายสินค้าต่างๆให้กับบริษัท ZTE
ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นปิดภาคเช้าที่ 21,837.39 จุด เพิ่มขึ้น 1.86 จุด, +0.01% ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงปิดภาคเช้าที่ 30,316.14 จุด เพิ่มขึ้น 0.55 จุด, +0.00% ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียปิดภาคเช้าที่ 1,881.92 จุด เพิ่มขึ้น 3.16 จุด, +0.17%
กระทรวงพาณิชย์สหรัฐได้ประกาศห้ามไม่ให้บริษัทของสหรัฐขายสินค้าต่างๆให้กับบริษัท ZTE ซึ่งเป็นผู้ผลิตอุปกรณ์ด้านการสื่อสารของจีน เป็นเวลา 7 ปี หลังจาก ZTE ได้ทำการส่งมอบสินค้าให้กับอิหร่าน ซึ่งถือเป็นการละเมิดข้อตกลงและเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมาย
การออกมาตรการดังกล่าวของสหรัฐอาจสร้างความเสียหายอย่างหนักต่อ ZTE เนื่องจากบริษัทสหรัฐได้จัดหาชิ้นส่วนต่างๆซึ่งใช้ในการผลิตอุปกรณ์ของ ZTE ในสัดส่วนราว 20-30% ของอุปกรณ์ทั้งหมดของ ZTE ซึ่งรวมถึงสมาร์ทโฟน และชิ้นส่วนที่ใช้ในการสร้างเครือข่ายโทรคมนาคม
ทำเนียบขาวเปิดเผยว่า สหรัฐกำลังพิจารณายกระดับมาตรการคว่ำบาตรต่อรัสเซีย โดยจะมีการลงมติในเร็วๆนี้
นางซาราห์ แซนเดอร์ส โฆษกประจำทำเนียบขาว กล่าวว่า "เรากำลังพิจารณาคว่ำบาตรรัสเซียเพิ่มเติม ซึ่งจะมีการตัดสินใจในเร็วๆนี้"
ความเคลื่อนไหวดังกล่าวเกิดขึ้น หลังจากที่เจ้าหน้าที่ระดับสูงของสหรัฐเปิดเผยว่า สหรัฐเตรียมที่จะประกาศมาตรการคว่ำบาตรรรัสเซียครั้งใหม่ เนื่องจากรัสเซียให้การสนับสนุนรัฐบาลซีเรีย
ข้อมูลเศรษฐกิจที่ได้มีการเปิดเผยแล้วในวันนี้ ได้แก่ สำนักงานสถิติแห่งชาติจีน (NBS) รายงานว่า ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ไตรมาส 1/2561 ขยายตัว 6.8% เมื่อเทียบเป็นรายปี
ขณะที่การผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือนมี.ค. ขยายตัว 6.0% เมื่อเทียบเป็นรายปี ส่วนยอดค้าปลีกไตรมาส 1/2561 ขยายตัว 9.8% เมื่อเทียบเป็นรายปี
สำหรับการลงทุนในสินทรัพย์ถาวรในช่วงไตรมาส 1/2561 ขยายตัว 7.5% สู่ระดับ 10.0763 ล้านล้านหยวน หรือ 1.60545 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ