ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นเมื่อคืนนี้ (17 เม.ย.) ขานรับผลประกอบการที่สดใสของบริษัทจดทะเบียนรายใหญ่ ซึ่งรวมถึงเน็ตฟลิกซ์ และยูไนเต็ดเฮลธ์ นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับปัจจัยบวกจากข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งของสหรัฐ และจากการที่นักลงทุนคลายความวิตกกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์ในซีเรีย หลังจากการโจมตีซีเรียของสหรัฐและชาติพันธมิตรเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมานั้น ไม่ได้ส่งผลให้เกิดการเผชิญหน้ากันระหว่างสหรัฐและรัสเซีย เนื่องจากเป็นการโจมตีในขอบเขตจำกัดที่มีการกำหนดเป้าหมายอย่างชัดเจน
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 24,786.63 จุด พุ่งขึ้น 213.59 จุด หรือ +0.87% ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 7,281.10 จุด เพิ่มขึ้น 124.81 จุด หรือ +1.74% และดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,706.39 จุด เพิ่มขึ้น 28.55 จุด หรือ +1.07%
ดัชนีดาวโจนส์ปิดที่ระดับสูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 16 มี.ค.ปีนี้ ส่วนดัชนี S&P500 และ Nasdaq ต่างก็ปิดที่ระดับสูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 21 มี.ค. โดยตลาดได้รับแรงหนุนจากผลประกอบการที่สดใสของบริษัทจดทะเบียนรายใหญ่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งบริษัทเน็ตฟลิกซ์ ผู้ให้บริการความบันเทิงบนอินเทอร์เน็ต ซึ่งระบุว่า บริษัทมีลูกค้ารายใหม่จำนวน 1.96 ล้านรายในสหรัฐ และมีลูกค้ารายใหม่จำนวน 5.46 ล้านรายในตลาดต่างประเทศ ในช่วงไตรมาส 2 ตามปีงบการเงินของบริษัท ซึ่งสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้
ทั้งนี้ หุ้นเน็ตฟลิกซ์ทะยานขึ้น 9.19% และช่วยหนุนหุ้นตัวอื่นๆในกลุ่มเทคโนโลยีดีดตัวขึ้นด้วย โดยหุ้นอัลฟาเบท ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของกูเกิล พุ่งขึ้น 3.2% หุ้นไมโครซอฟท์ ดีดขึ้น 2% หุ้นแอปเปิล พุ่งขึ้น 1.4% หุ้นทวิตเตอร์ทะยานขึ้น 11% และหุ้นอเมซอนดอทคอม พุ่งขึ้น 4.3%
หุ้นยูไนเต็ดเฮลธ์ ซึ่งเป็นบริษัทประกันรายใหญ่ของสหรัฐ พุ่งขึ้น 3.6% หลังจากบริษัทเปิดเผยผลประกอบการไตรมาสแรกที่ดีเกินคาด พร้อมกับปรับเพิ่มคาดการณ์ผลประกอบการตลอดปี 2561
หุ้นเจเนอรัล อิเล็กทริก พุ่งขึ้น 3.5% เนื่องจากนักลงทุนเข้าซื้อเก็งกำไรก่อนที่บริษัทจะเปิดเผยผลประกอบการในสัปดาห์นี้
ส่วนหุ้นโกลด์แมน แซคส์ ปรับตัวลง 1.7% แม้ธนาคารเปิดเผยกำไรไตรมาสแรกที่ระดับ 6.95 ดอลลาร์/หุ้น สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 5.58 ดอลลาร์/หุ้น ขณะที่หุ้นจอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน ขยับลง 0.9% แม้บริษัทเปิดเผยกำไรในไตรมาสแรกที่ระดับ 2.06 ดอลลาร์/หุ้น สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 2.02 ดอลลาร์/หุ้น
นอกจากนี้ ตลาดหุ้นนิวยอร์กยังได้รับปัจจัยบวกจากข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งของสหรัฐ โดยธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) รายงานเมื่อวานนี้ว่า การผลิตภาคอุตสาหกรรมของสหรัฐเพิ่มขึ้น 0.5% ในเดือนมี.ค. มากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 0.4% โดยได้แรงหนุนจากการดีดตัวของภาคสาธารณูปโภค ส่วนอัตราการใช้กำลังการผลิตเพิ่มขึ้น 0.3% สู่ระดับ 78.0% ในเดือนมี.ค. ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 3 เดือน
ทางด้านกระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ตัวเลขการเริ่มต้นสร้างบ้านเพิ่มขึ้น 1.9% ในเดือนมี.ค. เมื่อเทียบรายเดือน สู่ระดับ 1.319 ล้านยูนิต ซึ่งมากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจะอยู่ที่ระดับ 1.262 ล้านยูนิต ส่วนการอนุญาตก่อสร้างบ้านเพิ่มขึ้น 2.5% สู่ระดับ 1.354 ล้านยูนิต
นักลงทุนจับตาข้อมูลเศรษฐกิจด้านอื่นๆของสหรัฐที่จะมีการเปิดเผยในสัปดาห์นี้ ซึ่งได้แก่ รายงานสรุปภาวะเศรษฐกิจ หรือ Beige Book จากธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด), จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ และดัชนีการผลิตเดือนเม.ย.จากเฟดฟิลาเดลเฟีย