ตลาดหุ้นยุโรปปิดบวกเมื่อคืนนี้ (17 เม.ย.) โดยได้แรงหนุนจากตลาดหุ้นนิวยอร์กที่พุ่งขึ้นติดต่อกัน 2 วันทำการ และจากการที่นักลงทุนคลายความวิตกกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์ในซีเรีย หลังจากการโจมตีซีเรียของสหรัฐและชาติพันธมิตรเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมานั้น ไม่ได้ส่งผลให้เกิดการเผชิญหน้ากันระหว่างสหรัฐและรัสเซีย
ดัชนี Stoxx Europe 600 เพิ่มขึ้น 0.8% ปิดที่ 380.77 จุด
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 5,353.54 จุด เพิ่มขึ้น 40.58 จุด หรือ +0.76% ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 12,585.57 จุด เพิ่มขึ้น 194.16 จุด หรือ +1.57% และดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,226.05 จุด เพิ่มขึ้น 27.85 จุด หรือ+0.39%
ภาวะการซื้อขายในตลาดหุ้นยุโรปได้รับปัจจัยหนุนจากดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กที่พุ่งขึ้นอย่างแข็งแกร่งติดต่อกันเป็นวันที่ 2 เมื่อคืนนี้ หลังจากบริษัทจดทะเบียนหลายแห่งเปิดเผยผลประกอบการที่สดใส และการรายงานข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งของสหรัฐ ซึ่งรวมถึงการผลิตภาคอุตสาหกรรมและตัวเลขการสร้างบ้านที่ต่างก็เพิ่มขึ้นเกินคาดในเดือนมี.ค.
ขณะที่ตลาดหุ้นลอนดอนดีดตัวขึ้น เนื่องจากการอ่อนค่าของเงินปอนด์ช่วยหนุนหุ้นของบริษัทข้ามชาติที่จดทะเบียนในดัชนี FTSE 100 โดยเงินปอนด์อ่อนค่าลงหลังจากสำนักงานสถิติแห่งชาติอังกฤษ (ONS) เปิดเผยว่า ตัวเลขค่าจ้างสำหรับเดือนธ.ค.-ก.พ.มีการขยายตัว 2.8% ซึ่งต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ระดับ 3.0%
หุ้นแอสโซซิเอทเต็ด บริติช ฟู้ดส์ (ABF) พุ่งขึ้น 4.1% หลังจาก ABF ปรับเพิ่มคาดการณ์ผลกำไรตลอดปี 2561 แม้กำไรก่อนหักภาษีในช่วงครึ่งปีแรกปรับตัวลดลงก็ตาม
หุ้นเจดี สปอร์ตส แฟชั่น พุ่งขึ้น 5.2% หลังจากบริษัทคาดการณ์ว่า กำไรก่อนหักภาษีตลอดปีงบการเงิน 2561 จะพุ่งขึ้น 24%
หุ้นเจนแมบ เอเอส ซึ่งเป็นบริษัทเวชภัณฑ์ของเดนมาร์ก พุ่งขึ้น 8.7% หลังจากบริษัทเปิดเผยยอดจำหน่ายยา "Darzalex" ที่แข็งแกร่งเกินคาดในไตรมาสแรกปีนี้
หุ้นเบเยอร์ ดีดตัวขึ้น 2.8% หลังจากมีรายงานว่า เทมาเส็กเตรียมเพิ่มสัดส่วนการถือครองหุ้นในเบเยอร์ ซึ่งเป็นบริษัทยาและเคมีภัณฑ์ของเยอรมนี