ตลาดหุ้นลอนดอนปิดบวกเมื่อคืนนี้ (19 เม.ย.) โดยได้ปัจจัยหนุนจากหุ้นกลุ่มเหมืองแร่ที่ดีดตัวขึ้นตามทิศทางราคานิกเกิลและอลูมิเนียม นอกจากนี้ การอ่อนค่าของเงินปอนด์ยังเป็นอีกปัจจัยที่ช่วยหนุนตลาดหุ้นลอนดอนปิดในแดนบวก
ทั้งนี้ ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,328.92 จุด เพิ่มขึ้น 11.58 จุด หรือ +0.16%
ตลาดหุ้นลอนดอนได้ปัจจัยหนุนจากการอ่อนค่าของเงินปอนด์ ซึ่งช่วยหนุนหุ้นของบริษัทข้ามชาติที่จดทะเบียนในดัชนี FTSE 100 โดยเงินปอนด์อ่อนค่าลงหลังจากสำนักงานสถิติแห่งชาติของอังกฤษ (ONS) เปิดเผยว่า ยอดค้าปลีกของสหราชอาณาจักรปรับตัวลง 1.2% ในเดือนมี.ค. ซึ่งลดลงมากกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ โดยได้รับผลกระทบจากยอดขายน้ำมันที่ร่วงลงถึง 7.4% เนื่องจากขณะนั้นเกิดภาวะหิมะตกหนัก จนส่งผลกระทบต่อการเดินทางของผู้บริโภค
หุ้นกลุ่มเหมืองแร่พุ่งขึ้น โดยหุ้น Evraz ซึ่งเป็นผู้ผลิตเหล็กรายใหญ่ พุ่งขึ้น 1.6% ขณะที่หุ้นเกลนคอร์ ดีดตัวขึ้น 1%
หุ้นกลุ่มพลังงานปรับตัวขึ้นเช่นกัน โดยหุ้นบีพี พุ่งขึ้น 1.4% และหุ้นรอยัล ดัทช์ เชลล์ ปรับตัวขึ้น 1.9%
หุ้นไชร์ ทะยานขึ้น 5.9% หลังจากไชร์ได้ปฏิเสธข้อเสนอการเทคโอเวอร์กิจการมูลค่า 6 หมื่นล้านดอลลาร์จากบริษัททาเคดะ ฟาร์มาซูติคัล ซึ่งเป็นบริษัทเวชภัณฑ์รายใหญ่ของญี่ปุ่น อย่างไรก็ตาม รายงานระบุว่า ทั้งสองบริษัทยังคงเจรจาต่อรองกันในขณะนี้
หุ้นบริติช อเมริกัน โทแบคโค และหุ้นอิมพีเรียล แบรนด์ส ซึ่งเป็นสองผู้ผลิตบุหรี่รายใหญ่ของยุโรป ร่วงลง 5.4% และ 2.9% ตามลำดับ หลังจากฟิลลิป มอร์ริส อินเตอร์เนชั่นแนล ซึ่งเป็นบริษัทคู่แข่งและเป็นผู้ผลิตบุหรี่รายใหญ่ของสหรัฐได้เปิดเผยผลประกอบการที่ต่ำกว่าคาด โดยรายงานดังกล่าวยังได้ฉุดหุ้นฟิลลิป มอร์ริส ร่วงลงกว่า 15% ในการซื้อขายที่ตลาดหุ้นนิวยอร์กเมื่อคืนนี้
หุ้นยูนิลีเวอร์ ร่วงลง 2.2% หลังจากบริษัทเปิดเผยกำไรลดลง 5.2% ในไตรมาสแรกปีนี้ นอกจากนี้ บริษัทยังได้ประกาศแผนการซื้อคืนหุ้นในวงเงินสูงถึง 6 พันล้านยูโร (7.43 พันล้านดอลลาร์)