ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดร่วงลงเมื่อวันศุกร์ (20 เม.ย.) เนื่องจากหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีดิ่งลงอย่างต่อเนื่อง หลังจากมอร์แกน สแตนลีย์ได้ปรับลดคาดการณ์ยอดขาย iPhone ของบริษัทแอปเปิล อิงค์ นอกจากนี้ การพุ่งขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐยังสร้างแรงกดดันต่อตลาด และบดบังปัจจัยบวกจากผลประกอบการที่แข็งแกร่งของบริษัทจดทะเบียนรายใหญ่อย่างเจเนอรัล อิเลคทริค (GE)
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 24,462.94 จุด ร่วงลง 201.95 จุด หรือ -0.82% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,670.14 จุด ลดลง 22.99 จุด หรือ -0.85% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 7,146.13 จุด ลดลง 91.93 จุด หรือ -1.27%
ส่วนตลอดทั้งสัปดาห์ ดัชนีดาวโจนส์ปรับตัวขึ้น 0.4% ดัชนี S&P500 เพิ่มขึ้น 0.4% และดัชนี Nasdaq ปรับตัวขึ้น 0.5%
ภาวะการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กเมื่อวันศุกร์ยังคงได้รับแรงกดดันจากการร่วงลงของหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี หลังจากมอร์แกน สแตนลีย์ระบุว่า ยอดขาย iPhone ในไตรมาส 2 จะต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ นอกจากนี้ มอร์แกน สแตนลีย์ยังมองว่า ยอดขาย iPhone ที่อ่อนแอของแอปเปิลเป็นสาเหตุสำคัญที่ส่งผลให้บริษัทไต้หวัน เซมิคอนดัคเตอร์ แมนูแฟคเจอริง (TSMC) ซึ่งเป็นบริษัทเซมิคอนดัคเตอร์รายใหญ่ที่สุดที่ผลิตชิพให้แก่บริษัทในกลุ่มเทคโนโลยีชั้นนำของโลก เช่น แอปเปิลนั้น ปรับลดคาดการณ์รายได้ในไตรมาส 2
ทั้งนี้ หุ้นแอปเปิลร่วงลง 4.1% และได้ฉุดหุ้นตัวอื่นๆในกลุ่มเทคโนโลยีดิ่งลงเช่นกัน โดยหุ้นไมโครซอฟท์ ปรับตัวลง 1.1% หุ้นซิสโก ซิสเต็มส์ ลดลง 1% หุ้นอัลฟาเบท ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของกูเกิล ดิ่งลง 1.1% หุ้นเฟซบุ๊ก ปรับตัวลง 1.08% หุ้นเน็ตฟลิกซ์ ร่วงลง 1.4% และหุ้นอเมซอนดอทคอม ดิ่งลง 1.9%
ส่วนหุ้นของบริษัทที่เป็นซัพพลายเออร์ให้กับแอปเปิลนั้น ร่วงลงเช่นกัน โดยหุ้นสกายเวิร์ค โซลูชั่น ดิ่งลง 2.8% หุ้นควอลคอม ร่วงลง 2.1% หุ้นเซอร์รัส ลอจิค ร่วงลง 2.7% และหุ้นบรอดคอม ร่วงลง 2.3%
นอกจากนี้ ตลาดหุ้นนิวยอร์กยังได้รับปัจจัยลบจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐประเภทอายุ 10 ปีที่ดีดตัวขึ้นเหนือระดับ 2.92% ขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 30 ปีทะยานขึ้นเหนือระดับ 3.10% เมื่อวันศุกร์ หลังจากรายงานของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขาฟิลาเดลเฟียระบุว่า ดัชนีการผลิตพุ่งขึ้นสู่ระดับ 23.2 ในเดือนเม.ย. สูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 20.5 ซึ่งบ่งชี้ถึงการดีดตัวของราคา และอัตราเงินเฟ้อ โดยนักลงทุนกังวลว่าปัจจัยดังกล่าวอาจผลักดันให้เฟดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเร็วกว่าที่คาดไว้
หุ้นกลุ่มพลังงานปรับตัวลง หลังจากราคาน้ำมันดิบ WTI ร่วงลงในระหว่างวัน ก่อนที่จะปิดตลาดขยับขึ้นเพียงเล็กน้อยเมื่อคืนนี้ หลังจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ได้ออกมาวิพากษ์วิจารณ์กลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) ว่าพยายามผลักดันราคาน้ำมันให้สูงขึ้นในระยะนี้ โดยหุ้นเชฟรอน ร่วงลง 1.1% หุ้นเอ็กซอนโมบิล ปรบตัวลง 0.5% หุ้นเชซาพีค เอนเนอร์จี ร่วงลง 1% และหุ้นชลัมเบอร์เกอร์ ร่วงลง 1.5%
อย่างไรก็ตาม หุ้น GE พุ่งขึ้น 3.9% หลังจากบริษัทเปิดเผยกำไรในไตรมาส 1 อยู่ที่ 16 เซนต์/หุ้น สูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ที่ระดับ 11 เซนต์/หุ้น ส่วนรายได้อยู่ที่ 2.866 หมื่นล้านดอลลาร์ ซึ่งเพิ่มขึ้น 7% จากระดับ 2.688 หมื่นล้านดอลลาร์ในช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว
นักลงทุนจับตาการรายงานผลประกอบการของบริษัทเทคโนโลยีรายใหญ่ในสัปดาห์นี้ ซึ่งรวมถึง อัลฟาเบท เฟซบุ๊ก อินเทล และไมโครซอฟท์