ตลาดหุ้นลอนดอนปิดบวกเมื่อคืนนี้ (23 เม.ย.) โดยได้แรงหนุนจากการดีดตัวขึ้นของหุ้นกลุ่มการเงิน รวมทั้งการอ่อนค่าของเงินปอนด์ ซึ่งส่งผลให้ดัชนี FTSE 100 ปรับตัวขึ้นแตะระดับสูงสุดนับตั้งแต่ช่วงต้นเดือนก.พ.ปีนี้
ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,398.87 จุด เพิ่มขึ้น 30.70 จุด หรือ +0.42%
หุ้นกลุ่มการเงินดีดตัวขึ้น โดยหุ้นลอยด์ แบงกิ้ง กรุ๊ป พุ่งขึ้น 1.1% หุ้นเอชเอสบีซี โฮลดิ้งส์ ขยับขึ้น 0.9% หุ้นรอยัล แบงก์ ออฟ สก็อตแลนด์ ปรับตัวขึ้น 0.6%
ตลาดหุ้นลอนดอนได้ปัจจัยหนุนจากการอ่อนค่าของเงินปอนด์ ซึ่งช่วยหนุนหุ้นของบริษัทข้ามชาติที่จดทะเบียนในดัชนี FTSE 100 โดยเงินปอนด์อ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐเมื่อคืนนี้ หลังจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐพุ่งขึ้นใกล้แตะระดับ 3% และจากการที่ผู้ว่าการธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) ส่งสัญญาณว่า การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอาจจะไม่เกิดขึ้นในเร็วๆนี้
การส่งสัญญาณดังกล่าวของผู้ว่าการ BoE ได้สกัดกระแสคาดการณ์ที่เกิดขึ้นในช่วงก่อนหน้านี้ว่า BoE อาจจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนหน้า แม้อัตราเงินเฟ้อเดือนมี.ค.ของอังกฤษปรับตัวลงต่ำสุดในรอบ 1 ปีก็ตาม
หุ้นกลุ่มบริษัทประกันและบริษัทบริหารจัดการความมั่งคั่ง ปรับตัวขึ้นเช่นกัน โดยหุ้นเซนต์ เจมส์ เพลส พุ่งขึ้น 3.3% หุ้นโอล มิวชวล ดีดขึ้น 2.7% และหุ้นเอวิวา พุ่งขึ้น 1%
หุ้นวิทเบรด ขยับลง 0.1% หลังจากที่พุ่งขึ้นแข็งแกร่งในระหว่างวัน จากรายงานข่าวที่ว่า บริษัทอิลเลียต แมเนจเมนท์ได้เข้าซื้อหุ้นมากกว่า 6% ในวิทเบรด ซึ่งเป็นผู้ดำเนินงานเครือโรงแรมพรีเมียร์ อินน์