ดัชนีดาวโจนส์ล่วงหน้าพุ่งขึ้นกว่า 100 จุดในวันนี้ บ่งชี้ว่าตลาดหุ้นวอลล์สตรีทจะดีดตัวขึ้นในคืนนี้ ขานรับการเปิดเผยผลประกอบการที่แข็งแกร่ง รวมทั้งกระแสการควบรวมกิจการในภาคเอกชน
ณ เวลา 20.09 น.ตามเวลาไทย ดัชนีดาวโจนส์ล่วงหน้าบวก 125 จุด หรือ 0.51% สู่ระดับ 24,408 จุด
บริษัทแมคโดนัลด์ คอร์ป รายงานตัวเลขกำไร และรายได้ประจำไตรมาส 1 สูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ โดยบริษัทมีรายได้ที่ระดับ 5.14 พันล้านดอลลาร์ สูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ที่ 4.98 พันล้านดอลลาร์ นอกจากนี้ บริษัทมีกำไรที่ระดับ 1.79 ดอลลาร์/หุ้น สูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ที่ระดับ 1.67 ดอลลาร์/หุ้น
บริษัทมาราธอน ปิโตรเลียม คอร์ป แถลงในวันนี้ว่า ทางบริษัทจะเข้าซื้อกิจการของบริษัทแอนเดฟเวอร์ ซึ่งเป็นคู่แข่ง ด้วยวงเงินมากกว่า 2.3 หมื่นล้านดอลลาร์ เพื่อก่อตั้งบริษัทกลั่นน้ำมันที่ใหญ่ที่สุดของสหรัฐ แซงหน้าวาเลโร เอเนอร์จี คอร์ป
มาราธอนเสนอซื้อกิจการแอนเดฟเวอร์ด้วยเงินสดและหุ้น โดยตีราคาหุ้นแอนเดฟเวอร์ที่ระดับ 152 ดอลลาร์/หุ้น สูงกว่าราคาปิดตลาดเมื่อวันศุกร์ถึง 24%
บริษัทที่ตั้งขึ้นใหม่จะมีความสามารถในการกลั่นน้ำมันราว 3.1 ล้านบาร์เรล/วัน และมีเครือข่ายสถานีบริการน้ำมัน, ก๊าซธรรมชาติ รวมทั้งท่อส่งน้ำมันที่กว้างขวาง
ทางด้านสปรินท์ คอร์ป ผู้ให้บริการเครือข่ายไร้สายในสหรัฐ ซึ่งเป็นบริษัทลูกของซอฟท์แบงก์ กรุ๊ป คอร์ป ได้บรรลุข้อตกลงควบรวมกิจการกับที-โมบาย ยูเอส อิงค์ ซึ่งเป็นบริษัทลูกของดอยซ์ เทเลคอม เอจี เพื่อจัดตั้งบริษัทขนาดใหญ่ที่มีฐานสมาชิกมากกว่า 120 ล้านราย
ทั้งนี้ บริษัทร่วมทุนดังกล่าวจะมีชื่อว่า "ที-โมบาย" โดยดอยซ์ เทเลคอมจะถือหุ้นในสัดส่วน 42% ขณะที่ซอฟท์แบงก์จะถือหุ้น 27%
การบรรลุข้อตกลงในครั้งนี้มีขึ้นในการเจรจาครั้งที่ 3 นับตั้งแต่ซอฟท์แบงก์ได้เสนอซื้อกิจการสปรินท์เมื่อปี 2556 ในวงเงิน 1.8 ล้านล้านเยน หรือประมาณ 1.65 หมื่นล้านดอลลาร์
ทั้งนี้ สปรินท์ และที-โมบาย ยูเอส เปิดเผยว่า บริษัทแห่งใหม่นี้จะลงทุนมูลค่าสูงถึง 4 หมื่นล้านดอลลาร์ในเครือข่ายใหม่ รวมทั้งลงทุนในด้านอื่นๆ ในช่วง 3 ปีแรก