ตลาดหุ้นลอนดอนปิดบวกเมื่อคืนนี้ (30 เม.ย.) เนื่องจากการอ่อนค่าของเงินปอนด์ช่วยหนุนหุ้นบริษัทข้ามชาติดีดตัวขึ้น นอกจากนี้ ตลาดยังได้ปัจจัยบวกจากข่าวการควบรวมกิจการระหว่าง เจ เซนส์บูรี พีแอลซี ซึ่งเป็นธุรกิจค้าปลีกรายใหญ่ของอังกฤษ และอัสด้า ซึ่งเป็นธุรกิจค้าปลีกในเครือของวอลมาร์ท
ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,509.30 จุด เพิ่มขึ้น 7.09 จุด หรือ +0.09%
ตลาดหุ้นลอนดอนได้ปัจจัยบวกจากการอ่อนค่าของเงินปอนด์ ซึ่งช่วยหนุนหุ้นของบริษัทข้ามชาติที่จดทะเบียนในดัชนี FTSE 100 โดยรายได้ 75% ของบริษัทข้ามชาติที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ลอนดอนนั้นอยู่ในรูปของสกุลเงินต่างประเทศ ดังนั้น การอ่อนค่าของเงินปอนด์จึงเป็นปัจจัยบวกต่อหุ้นของบริษัทเหล่านี้
หุ้นเจ เซนส์บูรี ทะยานขึ้น 15% หลังจากทางบริษัทได้บรรลุข้อตกลงควบกิจการกับ อัสด้า ซึ่งเป็นธุรกิจค้าปลีกในเครือของวอลมาร์ท โดยวอลมาร์ทจะเข้าถือหุ้น 42% ในบริษัทที่ผ่านมาควบรวมกิจการแล้ว ขณะที่ทีมผู้บริหารของเซนส์บูรีจะเป็นแกนนำในการบริหารบริษัทดังกล่าว
หุ้นดับเบิลยูพีพี พีแอลซี ซึ่งเป็นบริษัทโฆษณารายใหญ่ พุ่งขึ้น 8.9% หลังจากบริษัทเปิดเผยผลประกอบการที่ดีเกินคาดในไตรมาสแรกปีนี้
อย่างไรก็ตาม ตลาดหุ้นลอนดอนเคลื่อนไหวในกรอบแคบๆ เนื่องจากนักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์การเมืองในอังกฤษ หลังจากนางแอมเบอร์ รัดด์ รัฐมนตรีกระทรวงมหาดไทยของอังกฤษ ได้ประกาศลาออกจากตำแหน่ง ภายหลังจากเกิดแรงกดดันทางการเมือง อันเนื่องมาจากความขัดแย้งเกี่ยวกับโควต้าในการรับคนเข้าเมือง
ทั้งนี้ หลายฝ่ายมองว่าการลาออกของนางรัดด์อาจจะส่งผลกระทบต่อคณะบริหารของนายกรัฐมนตรีเทเรซา เมย์ เนื่องจากนางรัดด์ ถือเป็นพันธมิตรที่ใกล้ชิดที่สุดของนายกฯเมย์