ตลาดหุ้นยุโรปปิดบวกเมื่อคืนนี้ (30 เม.ย.) ขานรับข่าวควบรวมกิจการของบริษัทจดทะเบียน ซึ่งรวมถึงการควบรวมกิจการระหว่าง เจ เซนส์บูรี พีแอลซี ซึ่งเป็นธุรกิจค้าปลีกรายใหญ่ของอังกฤษ และอัสด้า ซึ่งเป็นธุรกิจค้าปลีกในเครือของวอลมาร์ท
ดัชนี Stoxx Europe 600 เพิ่มขึ้น 0.2% ปิดที่ 385.32 จุด
ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 12,612.11 จุด เพิ่มขึ้น 31.24 จุด หรือ +0.25% ขณะที่ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ระดับ 5,520.50 จุด เพิ่มขึ้น 37.31 จุด หรือ +0.68% และดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,509.30 จุด เพิ่มขึ้น 7.09 จุด หรือ +0.09%
ตลาดหุ้นยุโรปดีดตัวขึ้นขานรับข่าวควบรวมกิจการของบริษัทจดทะเบียน โดยบริษัท เจ เซนส์บูรี ประกาศการบรรลุข้อตกลงควบกิจการกับ อัสด้า ซึ่งเป็นธุรกิจค้าปลีกในเครือของวอลมาร์ท โดยวอลมาร์ทจะเข้าถือหุ้น 42% ในบริษัทที่ผ่านมาควบรวมกิจการแล้ว ขณะที่ทีมผู้บริหารของเซนส์บูรีจะเป็นแกนนำในการบริหารบริษัทดังกล่าว ทั้งนี้ หุ้นเจ เซนส์บูรี ทะยานขึ้น 15%
ทางด้านสปรินท์ คอร์ป ผู้ให้บริการเครือข่ายไร้สายในสหรัฐ ซึ่งเป็นบริษัทลูกของซอฟท์แบงค์ กรุ๊ป คอร์ป ได้บรรลุข้อตกลงควบรวมกิจการกับที-โมบาย ยูเอส อิงค์ ซึ่งเป็นบริษัทลูกของดอยซ์ เทเลคอม เอจี เพื่อจัดตั้งบริษัทขนาดใหญ่ที่มีฐานสมาชิกมากกว่า 120 ล้านราย
ทั้งนี้ บริษัทร่วมทุนดังกล่าวจะมีชื่อว่า "ที-โมบาย" โดยดอยซ์ เทเลคอมจะถือหุ้นในอัตราส่วน 42% ขณะที่ซอฟท์แบงค์จะถือหุ้นในอัตราส่วน 27%
หุ้นดับเบิลยูพีพี พีแอลซี ซึ่งเป็นบริษัทโฆษณารายใหญ่ พุ่งขึ้น 8.9% หลังจากบริษัทเปิดเผยผลประกอบการที่ดีเกินคาดในไตรมาสแรกปีนี้
อย่างไรก็ตาม ตลาดหุ้นยุโรปได้รับแรงกดดันในระหว่างวัน หลังจากสำนักงานสถิติแห่งชาติเยอรมนีเปิดเผยว่า ยอดค้าปลีกเดือนมี.ค.ลดลง 0.6% เมื่อเทียบเป็นรายเดือน ซึ่งสวนทางกับที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจะเพิ่มขึ้น 0.8%
ทั้งนี้ การเปิดเผยข้อมูลยอดค้าปลีกของสำนักงานสถิติแห่งชาติเยอรมนีมีขึ้นหลังจาก GfK ได้เปิดเผยผลสำรวจเมื่อสัปดาห์ที่แล้วว่า ความเชื่อมั่นผู้บริโภคเยอรมนีลดลงในเดือนมี.ค. เนื่องจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์ตึงเครียดด้านการเมืองระหว่างรัสเซียและสหรัฐ รวมทั้งความกังวลที่ว่า มาตรการปกป้องทางการค้าของสหรัฐอาจส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจของเยอรมนี