ตลาดหุ้นลอนดอนปิดบวกติดต่อกันเป็นวันที่ 5 เมื่อคืนนี้ (2 พ.ค.) โดยได้แรงหนุนจากหุ้นกลุ่มเหมืองแร่ที่ดีดตัวขึ้น หลังจากมีรายงานว่า ดัชนี PMI ภาคการผลิตของจีนขยายตัวอย่างแข็งแกร่ง นอกจากนี้ ตลาดยังได้ปัจจัยหนุนจากรายงานที่ว่า ดัชนี PMI ภาคก่อสร้างสหราชอาณาจักรดีดตัวแตะระดับสูงสุดในรอบ 5 เดือน
ทั้งนี้ ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,543.20 จุด เพิ่มขึ้น 22.84 จุด หรือ +0.30%
หุ้นกลุ่มเหมืองแร่ดีดตัวขึ้นและเป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยหนุนตลาดหุ้นลอนดอนปิดในแดนบวก นำโดยหุ้นเฟรสนิลโล พุ่งขึ้น 2.7% หุ้นเกลนคอร์ พุ่งขึ้น 2.8% และหุ้นอันโตฟากัสตา ดีดตัวขึ้น 2.4%
หุ้นเหมืองแร่ปรับตัวขึ้นหลังจากดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตของจีน ซึ่งมาร์กิตจัดทำร่วมกับไฉซิน เพิ่มขึ้นแตะระดับ 51.1 ในเดือนเม.ย. จากระดับ 51.0 ในเดือนมี.ค.
ดัชนี PMI ที่เคลื่อนไหวเหนือระดับ 50 บ่งชี้ว่าภาคการผลิตของจีนยังคงมีการขยายตัว และดัชนีที่เคลื่อนไหวต่ำกว่า 50 บ่งชี้ถึงภาวะหดตัวในภาคการผลิต
หุ้นเซจ กรุ๊ป ซึ่งเป็นผู้ให้บริการซอฟแวร์ด้านการตรวจสอบบัญชี พุ่งขึ้น 3.4% หลังจากบริษัทเปิดเผยผลประกอบการที่สดใส
นอกจากนี้ ตลาดหุ้นลอนดอนยังได้รับปัจจัยหนุนหลังจากผลการสำรวจของ Markit/CIPS พบว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคก่อสร้างของสหราชอาณาจักรพุ่งขึ้นแตะระดับ 52.5 ในเดือนเม.ย. ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนพ.ย.ปีที่แล้ว จากระดับ 47.0 ในเดือนมี.ค. ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 20 เดือน
ทั้งนี้ การขยายตัวของภาคการก่อสร้างได้รับแรงหนุนจากการก่อสร้างที่อยู่อาศัย ซึ่งมีการเติบโตมากที่สุดนับตั้งแต่เดือนพ.ค.ปีที่แล้ว รวมทั้งการเพิ่มขึ้นของการจ้างงาน และคำสั่งซื้อใหม่