ดาวโจนส์พุ่งต่อเนื่อง ล่าสุดทะยานกว่า 300 จุด หุ้น"แอปเปิล"จุดพลุนำหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี

ข่าวหุ้น-การเงิน Saturday May 5, 2018 00:36 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ดัชนีดาวโจนส์พุ่งขึ้นอย่างต่อเนื่องในวันนี้ โดยล่าสุดทะยานกว่า 300 จุด หลังร่วงลงในการซื้อขายช่วงแรก จากการเปิดเผยตัวเลขการจ้างงานที่น่าผิดหวัง ขณะที่หุ้นแอปเปิลนำหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีดีดตัวในตลาด

ณ เวลา 00.22 น.ตามเวลาไทย ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์อยู่ที่ 24,233.61 จุด บวก 303.46 จุด หรือ 1.27%

ตลาดได้แรงหนุนจากการที่หุ้นแอปเปิล ซึ่งเป็น 1 ในหุ้น 30 ตัวของดัชนีดาวโจนส์ ทะยานขึ้น 3.7% แตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ในวันนี้ เหนือระดับ 183.50 ดอลลาร์ ซึ่งเป็นระดับสูงสุดเดิม หลังมีรายงานว่า บริษัทเบิร์กเชียร์ แฮธาเวย์ ของนายวอร์เรน บัฟเฟตต์ มหาเศรษฐีชาวสหรัฐ ได้ทุ่มเงินซื้อหุ้นของบริษัทแอปเปิลมากถึง 75 ล้านหุ้นในไตรมาสแรกของปีนี้ จากเดิมที่มีอยู่แล้วราว 165.3 ล้านหุ้น

นายทิม คุก ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของบริษัทแอปเปิล อิงค์ ออกแถลงการณ์ระบุว่า "บริษัทมีความยินดีที่ได้คุณวอร์เรนและบริษัทเบิร์กเชียร์เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ ซึ่งโดยส่วนตัวแล้ว ผมรู้สึกชื่นชมคุณวอร์เรนมาโดยตลอด และขอขอบคุณสำหรับมุมมองและคำแนะนำของท่าน"

หากพิจารณาจากราคาหุ้นแอปเปิลขณะปิดตลาดเมื่อวานนี้ที่ระดับ 176.89 ดอลลาร์/หุ้น จะทำให้บริษัทเบิร์กเชียร์ถือหุ้นแอปเปิลคิดเป็นมูลค่า 4.25 หมื่นล้านดอลลาร์ ส่งผลให้เบิร์กเชียร์เป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่เป็นอันดับ 3 ของแอปเปิล รองจากแวนการ์ด และแบล็คร็อค

ผลการศึกษาของ Strategy Analytics ระบุว่า iPhone X นับเป็นสมาร์ทโฟนที่ขายดีที่สุดทั่วโลกในไตรมาส 1 โดยบริษัทแอปเปิล อิงค์ ได้จำหน่าย iPhone X จำนวน 16 ล้านเครื่อง และสามารถชิงส่วนแบ่งตลาดมือถือทุกรุ่นได้ 4.6%

ส่วนยอดขาย iPhone 8 และ iPhone 8 Plus อยู่ที่ระดับ 12.5 ล้านเครื่อง และ 8.3 ล้านเครื่องตามลำดับ ขณะที่ iPhone 7 อยู่ที่ 5.6 ล้านเครื่อง

Strategy Analytics ระบุว่า iPhone X ครองตำแหน่งสมาร์ทโฟนที่ขายดีที่สุดเป็นเวลา 2 ไตรมาสติดต่อกัน เนื่องจากมีการออกแบบที่ดี, มีกล้องที่มีคุณภาพสูง, มีแอพพลิเคชั่นจำนวนมาก และมีการวางจำหน่ายอย่างกว้างขวาง

ขณะเดียวกัน นักวิเคราะห์ระบุว่า การเปิดเผยตัวเลขการจ้างงานที่ซบเซาของสหรัฐ จะช่วยลดแนวโน้มที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 4 ครั้งในปีนี้

กระทรวงแรงงานสหรัฐรายงานว่า ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรเพิ่มขึ้นน้อยกว่าคาดในเดือนเม.ย. โดยเพิ่มขึ้นเพียง 164,000 ตำแหน่ง ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 192,000 ตำแหน่ง หลังจากที่เพิ่มขึ้น 135,000 ตำแหน่งในเดือนมี.ค. ส่วนอัตราการว่างงานลดลงสู่ระดับ 3.9% ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนธ.ค.2543 และต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะลดลงสู่ระดับ 4.0%

ขณะเดียวกัน ตัวเลขค่าจ้างรายชั่วโมงโดยเฉลี่ยของแรงงาน เพิ่มขึ้น 4 เซนต์/ชั่วโมง หรือ 0.15% โดยต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์ที่ระดับ 0.2% จากระดับ 0.3% ในเดือนมี.ค. และเพิ่มขึ้น 2.6% เมื่อเทียบรายปี จากระดับ 2.7% ในเดือนมี.ค.

ทั้งนี้ ตัวเลขค่าจ้างต่อชั่วโมงนับเป็นข้อมูลที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ให้ความสำคัญเพื่อหาสัญญาณบ่งชี้ภาวะเงินเฟ้อ

นอกจากนี้ นักลงทุนยังจับตาผลการเจรจาการค้าระหว่างเจ้าหน้าที่สหรัฐและจีน

คณะเจรจาการค้าของสหรัฐ ซึ่งนำโดยนายสตีเวน มนูชิน รัฐมนตรีคลัง นายโรเบิร์ต ไลท์ไฮเซอร์ ผู้แทนการค้าสหรัฐ (USTR) และนายวิลเบอร์ รอสส์ รัฐมนตรีพาณิชย์ ได้เดินทางออกจากกรุงปักกิ่งแล้ว และกำลังมุ่งหน้ากลับสู่สหรัฐ หลังเสร็จสิ้นการเจรจาการค้ากับจีนเป็นเวลา 2 วัน โดยไม่มีการเปิดเผยผลการเจรจาแต่อย่างใด

สื่อรายงานว่า เจ้าหน้าที่จีนและสหรัฐสามารถบรรลุฉันทามติร่วมกันในบางประเด็น อย่างไรก็ดี ทั้งสองฝ่ายยังคงมีความเห็นที่แตกต่างกันค่อนข้างมากเกี่ยวกับประเด็นอื่นๆ แต่ก็เห็นพ้องกันว่าจะมีการแก้ไขความขัดแย้งทางการค้าผ่านทางการเจรจา

นอกจากนี้ คณะเจรจาการค้าของสหรัฐตกลงที่จะหยิบยกกรณีที่รัฐบาลสหรัฐสั่งห้ามบริษัทสหรัฐขายสินค้าและซอฟต์แวร์ให้แก่บริษัท ZTE Corp ซึ่งเป็นผู้ผลิตอุปกรณ์ด้านการสื่อสารของจีน เข้าหารือกับประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ หลังจาก ZTE ได้ทำการขายสินค้าให้กับอิหร่าน ซึ่งสหรัฐถือว่าเป็นการละเมิดมาตรการคว่ำบาตร

สื่อยังรายงานว่า คณะเจรจาการค้าของสหรัฐได้ยื่นข้อเรียกร้องหลายประการต่อจีน โดยรัฐบาลสหรัฐต้องการให้จีนลดตัวเลขการเกินดุลการค้ากับสหรัฐลง 2 แสนล้านดอลลาร์ภายในปี 2563, ให้จีนยุติการให้เงินอุดหนุนต่ออุตสาหกรรมที่มีการระบุไว้ รวมทั้งยุติการใช้นโยบายที่สนับสนุนการถ่ายโอนเทคโนโลยี และยกเลิกการพุ่งเป้าสินค้าเกษตรของสหรัฐ นอกจากนี้ สหรัฐยังขู่ว่าพร้อมที่จะปรับขึ้นอัตราภาษีต่อสินค้าที่นำเข้าจากจีนต่อไป หากจีนปฏิเสธที่จะปฏิบัติตามข้อตกลง ทางด้านตัวแทนการเจรจาจากฝ่ายจีนได้เสนอที่จะลดอัตราภาษีนำเข้ารถยนต์จากสหรัฐ และเรียกร้องให้สหรัฐปฏิบัติอย่างเท่าเทียมกันต่อการลงทุนของจีนในสหรัฐ โดยเฉพาะหากมีการพิจารณาประเด็นความมั่นคงของชาติ และให้สหรัฐยกเลิกการออกข้อจำกัดต่อการลงทุนของจีน ขณะเดียวกัน นักลงทุนจับตาการกล่าวสุนทรพจน์ของเจ้าหน้าที่เฟดหลายรายในวันนี้ เพื่อหาสัญญาณบ่งชี้ภาวะเศรษฐกิจ และอัตราเงินเฟ้อ รวมทั้งทิศทางอัตราดอกเบี้ยสหรัฐในปีนี้


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ