ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดตลาดในแดนบวกเมื่อวันศุกร์ (4 พ.ค.) เช่นเดียวกับดัชนี S&P 500 และ Nasdaq โดยได้รับปัจจัยหนุนจากหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี เนื่องจากนักลงทุนมีความเชื่อมั่นมากขึ้น ขานรับรายงานข่าวที่ว่าบริษัทเบิร์กเชียร์ แฮธาเวย์ ของนายวอร์เรน บัฟเฟตต์ มหาเศรษฐีชาวสหรัฐ ได้ทุ่มเงินซื้อหุ้นของบริษัทแอปเปิลมากถึง 75 ล้านหุ้นในไตรมาสแรกของปีนี้
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 24,262.51 จุด เพิ่มขึ้น 332.36 จุด หรือ +1.39% ดัชนี S&P 500 ปิดที่ 2,663.42 จุด เพิ่มขึ้น 33.69 จุด หรือ +1.28% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 7,209.62 จุด เพิ่มขึ้น 121.47 จุด หรือ +1.71%
ตลาดได้แรงหนุนจากการที่หุ้นแอปเปิล ซึ่งเป็น 1 ในหุ้น 30 ตัวของดัชนีดาวโจนส์ ทะยานขึ้นถึง 3.92% หลังมีรายงานว่า บริษัทเบิร์กเชียร์ แฮธาเวย์ ของนายวอร์เรน บัฟเฟตต์ มหาเศรษฐีชาวสหรัฐ ได้ทุ่มเงินซื้อหุ้นของบริษัทแอปเปิลมากถึง 75 ล้านหุ้นในไตรมาสแรกของปีนี้ จากเดิมที่มีอยู่แล้วราว 165.3 ล้านหุ้น
ขณะเดียวกัน นักวิเคราะห์ระบุว่า การเปิดเผยตัวเลขการจ้างงานที่ซบเซาของสหรัฐ จะช่วยลดแนวโน้มที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 4 ครั้งในปีนี้
กระทรวงแรงงานสหรัฐรายงานว่า ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรเพิ่มขึ้นน้อยกว่าคาดในเดือนเม.ย. โดยเพิ่มขึ้นเพียง 164,000 ตำแหน่ง ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 192,000 ตำแหน่ง หลังจากที่เพิ่มขึ้น 135,000 ตำแหน่งในเดือนมี.ค. ส่วนอัตราการว่างงานลดลงสู่ระดับ 3.9% ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนธ.ค.2543 และต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะลดลงสู่ระดับ 4.0%
ขณะเดียวกัน ตัวเลขค่าจ้างรายชั่วโมงโดยเฉลี่ยของแรงงาน เพิ่มขึ้น 4 เซนต์/ชั่วโมง หรือ 0.15% โดยต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์ที่ระดับ 0.2% จากระดับ 0.3% ในเดือนมี.ค. และเพิ่มขึ้น 2.6% เมื่อเทียบรายปี จากระดับ 2.7% ในเดือนมี.ค.
ทั้งนี้ ตัวเลขค่าจ้างต่อชั่วโมงนับเป็นข้อมูลที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ให้ความสำคัญเพื่อหาสัญญาณบ่งชี้ภาวะเงินเฟ้อ
นอกจากนี้ นักลงทุนยังจับตาผลการเจรจาการค้าระหว่างเจ้าหน้าที่สหรัฐและจีน
สื่อรายงานว่า เจ้าหน้าที่จีนและสหรัฐสามารถบรรลุฉันทามติร่วมกันในบางประเด็น อย่างไรก็ดี ทั้งสองฝ่ายยังคงมีความเห็นที่แตกต่างกันค่อนข้างมากเกี่ยวกับประเด็นอื่นๆ แต่ก็เห็นพ้องกันว่าจะมีการแก้ไขความขัดแย้งทางการค้าผ่านทางการเจรจา
นอกเหนือจากปัจจัยหนุนจากหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีแล้ว ตลาดยังได้แรงหนุนจากการประกาศผลประกอบการที่แข็งแกร่งจากหลายๆบริษัท โดยหุ้นของอาลีบาบา กรุ๊ป โฮลดิง อีคอมเมิร์ซยักษ์ใหญ่ของจีน ปรับตัวเพิ่มขึ้น 3.35% หลังผลประกอบการไตรมาสสี่ปรากฏว่าอยู่เหนือการคาดการณ์
หุ้นบริษัทโกโปร พุ่งถึง 9.88% ขานรับผลประกอบการดีกว่าการคาดการณ์เช่นกัน