ตลาดหุ้นเอเชียปิดภาคเช้าวันนี้ผันผวน เนื่องจากความกังวลเกี่ยวกับความตึงเครียดด้านภูมิรัฐศาสตร์ ภายหลังจากที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐ ประกาศถอนสหรัฐออกจากข้อตกลงนิวเคลียร์อิหร่านและยังประกาศเรื่องการใช้มาตรการคว่ำบาตรกับอิหร่านด้วยเช่นกัน ซึ่งนโยบายในการใช้มาตรการคว่ำบาตรดังกล่าวอาจจะส่งผลกระทบต่ออุปทานน้ำมันของอิหร่านในฐานะประเทศสมาชิกของโอเปก อีกทั้งยังก่อให้เกิดความไม่แน่นอนขึ้นในตะวันออกกลางด้วยเช่นกัน
ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงปิดภาคเช้าที่ 30,525.19 จุด เพิ่มขึ้น 122.38 จุด, +0.40% ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นปิดภาคเช้าที่ 22,412.96 จุด ลดลง 95.73 จุด, -0.43% ส่วนตลาดหุ้นมาเลเซียปิดทำการวันนี้ (9 พ.ค.) เนื่องในวันเลือกตั้ง
นอกจากนี้ ดอลลาร์และผลตอบแทนพันธบัตรก็ปรับตัวขึ้น อันเนื่องมาจากความเคลื่อนไหวล่าสุดของประธานาธิบดีสหรัฐ
ทรัมป์ กล่าวว่า ตนเองจะใช้มาตรการคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจกับอิหร่านอีกครั้ง หลังจากที่ได้ระงับมาตรการดังกล่าวไปในช่วงที่มีการลงนามในข้อตกลงเมื่อปี 2558 โดยสหรัฐจะใช้มาตรการคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจในขั้นสูงสุดกับอิหร่าน ซึ่งเป็นะประเทศที่ผู้นำสหรัฐเรียกขานว่าเป็นรัฐที่ให้การสนับสนุนการก่อการร้ายในระดับชั้นนำ
ทางด้านอิหร่านระบุว่า อิหร่านเตรียมพร้อมที่จะริเริ่มการเสริมสมรรถนะแร่ยูเรเนียมอีกครั้ง ซึ่งการดำเนินการดังกล่าวถือเป็นการผลิตทั้งเชื้อเพลิงนิวเคลียร์และอาวุธ
นายฮัสซัน รูฮานี ประธานาธิบดีของอิหร่านเปิดเผยว่า อิหร่านจะยังคงยึดมั่นตามข้อตกลงนิวเคลียร์อิหร่านกับผู้ร่วมลงนามในข้อตกลงซึ่งมีชื่ออย่างเป็นทางการว่า Joint Comprehensive Plan of Action (JCPOA) ต่อไป ถึงแม้สหรัฐอเมริกาจะประกาศถอนตัวออกจากข้อตกลงดังกล่าวก็ตาม
ประธานาธิบดีรูฮานีแถลงผ่านสถานีโทรทัศน์แห่งชาติว่า "นับจากนี้เป็นต้นไป ข้อตกลงนิวเคลียร์จะเป็นข้อตกลงระหว่างอิหร่านและอีก 5 ประเทศมหาอำนาจที่ร่วมลงนาม" และ "ตนรู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งที่สหรัฐอเมริกาถอนตัวออกจากข้อตกลงนิวเคลียร์"