ตลาดหุ้นยุโรปปิดบวกเมื่อคืนนี้ (16 พ.ค.) เนื่องจากการอ่อนค่าของสกุลเงินยูโรและเงินปอนด์ได้ช่วยหนุนหุ้นกลุ่มบริษัทส่งออก นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับปัจจัยบวกจากผลประกอบการที่แข็งแกร่งของบริษัทจดทะเบียน ซึ่งรวมถึงเบอร์เบอร์รี่ ผู้ผลิตสินค้าหรูรายใหญ่
ดัชนี Stoxx Europe 600 เพิ่มขึ้น 0.2% ปิดที่ 393.21 จุด ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนก.พ.ปีนี้
ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 12,996.33 จุด เพิ่มขึ้น 26.29 จุด หรือ +0.20% ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 5,567.54 จุด เพิ่มขึ้น 14.38 จุด หรือ +0.26% และดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,734.20 จุด เพิ่มขึ้น 11.22 จุด หรือ +0.15%
ตลาดหุ้นยุโรปดีดตัวขึ้นปิดในแดนบวก เนื่องจากการอ่อนค่าของสกุลเงินยูโรและเงินปอนด์ได้ช่วยหนุนหุ้นบริษัทข้ามชาติ โดยยูโรอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ อันเนื่องมาจากสถานการณ์การเมืองที่ไม่แน่นอนในอิตาลี หลังจากพรรค Five Star Movement และพรรค League ซึ่งเป็นพรรคการเมือง 2 พรรคที่ใหญ่ที่สุดของอิตาลี ได้แสดงความการที่จะนำอิตาลีออกจากการเป็นสมาชิกสหภาพยุโรป (EU) พร้อมกับเรียกร้องให้ธนาคารกลางยุโรป (ECB) ยกเลิกหนี้สาธารณะของอิตาลี
นอกจากนี้ ภาวะการซื้อขายในตลาดหุ้นยุโรปยังได้รับปัจจัยหนุนจากผลประกอบการที่แข็งแกร่งของบริษัทจดทะเบียน โดยบริษัทเบอร์เบอร์รี่ ได้ปรับเพิ่มคาดการณ์ผลกำไรตลอดปีงบการเงิน 2561 และประกาศแผนการซื้อหุ้นคืนจากนักลงทุนมูลค่าทั้งสิ้น 150 ล้านปอนด์ หรือประมาณ 202.8 ล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยข่าวดังกล่าวช่วยหนุนหุ้นเบอร์เบอร์รี่ปิดตลาดพุ่งขึ้น 3.6%
หุ้นแพดดี้ เพาเวอร์ เบทแฟร์ ซึ่งเป็นบริษัทพนันออนไลน์ พุ่งขึ้น 6.3% หลังจากมีรายงานว่าทางบริษัทกำลังเจรจาควบรวมกิจการกับบริษัทแฟนดูอัล อิงค์ ของสหรัฐ นอกจากนี้ หุ้นแพดดี้ เพาเวอร์ เบทแฟร์ ยังได้ปัจจัยหนุนจากการที่รายงานที่ว่า ศาลฎีกาสหรัฐมีคำวินิจฉัยเห็นพ้องกับรัฐบาลของรัฐนิวเจอร์ซีย์ที่ได้ออกกฎหมายในปี 2557 ให้การรับรองการพนันกีฬาในกาสิโน และสนามม้าในรัฐ
หุ้นไมโคร โฟกัส อินเตอร์เนชันแนล ซึ่งเป็นบริษัทซอฟต์แวร์รายใหญ่ พุ่งขึ้น 6.2% หลังจากบริษัทปรับเพิ่มคาดการณ์รายได้ในช่วงครึ่งแรกของปี 2561
หุ้นอัลสตอม เอสเอ ซึ่งเป็นผู้ให้บริการรถไฟรายใหญ่ของฝรั่งเศส พุ่งขึ้น 3.8% หลังจากบริษัทเปิดเผยกำไรประจำปีงบการเงินพุ่งขึ้นกว่า 60% และประกาศจ่ายเงินปันผลเพิ่มขึ้นด้วยเช่นกัน