ดัชนีดาวโจนส์พลิกปรับตัวในแดนบวก หลังร่วงเกือบ 100 จุดในช่วงแรก โดยได้แรงหนุนจากการพุ่งขึ้นของหุ้นกลุ่มพลังงาน ตามราคาน้ำมันที่ทะยานขึ้น
ณ เวลา 22.17 น.ตามเวลาไทย ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์อยู่ที่ 24,796.27 จุด บวก 27.34 จุด หรือ 0.11%
สัญญาน้ำมันดิบล่วงหน้า WTI ดีดตัวขึ้นใกล้แตะระดับ 72 ดอลลาร์ในวันนี้ ขณะที่สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์พุ่งทะลุระดับ 80 ดอลลาร์ เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนพ.ย.2557
ณ เวลา 22.14 น.ตามเวลาไทย สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ส่งมอบเดือนมิ.ย. ซึ่งมีการซื้อขายทางระบบอิเล็กทรอนิกส์ที่ตลาด NYMEX เพิ่มขึ้น 37 เซนต์ หรือ 0.52% สู่ระดับ 71.86 ดอลลาร์/บาร์เรล
ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ เพิ่มขึ้น 83 เซนต์ หรือ 1.05% สู่ระดับ 80.11 ดอลลาร์/บาร์เรล
ราคาน้ำมันมีแนวโน้มปรับตัวขึ้นติดต่อกัน 4 ไตรมาส ซึ่งจะเป็นช่วงขาขึ้นของราคาน้ำมันที่ยาวนานที่สุดในรอบกว่า 10 ปี โดยได้แรงหนุนจากจากการที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ประกาศถอนตัวจากข้อตกลงนิวเคลียร์อิหร่าน ซึ่งจะปูทางให้สหรัฐทำการคว่ำบาตรอิหร่านครั้งใหม่
นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า สหรัฐจะประกาศคว่ำบาตรการส่งออกน้ำมันของอิหร่านจำนวน 200,000-1,000,000 บาร์เรล/วัน
ดัชนีดาวโจนส์ดิ่งลงในช่วงแรก รับผลกระทบจากการพุ่งขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ
อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปียังคงพุ่งขึ้นไม่หยุดในวันนี้ ล่าสุดทะลุระดับ 3.10% ทำสถิติสูงสุดในรอบ 7 ปี ขณะที่นักลงทุนพากันเทขายพันธบัตร เนื่องจากวิตกว่าการดีดตัวขึ้นของเงินเฟ้อจะทำให้ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเร็วกว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้
ณ เวลา 19.20 น.ตามเวลาไทย อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลอายุ 10 ปี ดีดตัวสู่ระดับ 3.106% ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนก.ค.2554 ขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 30 ปี ปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 3.230%
ราคาพันธบัตร และอัตราผลตอบแทนพันธบัตรจะปรับตัวในทิศทางตรงกันข้ามกัน
นักลงทุนจับตาการเปิดเผยผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนในตลาด
บริษัทวอลมาร์ท ซึ่งเป็นบริษัทค้าปลีกที่ใหญ่ที่สุดในโลก เปิดเผยผลประกอบการในไตรมาส 1 ที่สูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์
ทั้งนี้ วอลมาร์ทระบุว่า บริษัทมีรายได้ 1.2269 แสนล้านดอลลาร์ สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 1.2051 แสนล้านดอลลาร์ นอกจากนี้ บริษัทมีกำไร 1.14 ดอลลาร์/หุ้น สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 1.12 ดอลลาร์/หุ้น ขณะเดียวกัน บริษัทมียอดขายเพิ่มขึ้น 2.1% สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 2.0%
เจซี เพนนีย์ ซึ่งเป็นห้างสรรพสินค้าชื่อดังของสหรัฐ เปิดเผยรายได้และยอดขายในไตรมาส 1 ต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์
ทั้งนี้ เจซี เพนนีย์ เปิดเผยว่า ยอดขายเพิ่มขึ้น 0.2% โดยต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจะเพิ่มขึ้น 2% นอกจากนี้ รายได้ลดลงสู่ระดับ 2.58 พันล้านดอลลาร์ โดยต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 2.61 พันล้านดอลลาร์ ส่วนตัวเลขขาดทุนสุทธิลดลงสู่ระดับ 22 เซนต์/หุ้น ขณะที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 23 เซนต์/หุ้น
กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า จำนวนชาวอเมริกันที่ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกเพิ่มขึ้น 11,000 ราย สู่ระดับ 222,000 รายในสัปดาห์ที่แล้ว สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 215,000 ราย
ส่วนตัวเลขค่าเฉลี่ย 4 สัปดาห์ของจำนวนชาวอเมริกันที่ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรก ซึ่งถือเป็นมาตรวัดตลาดแรงงานที่ดีกว่า เนื่องจากขจัดความผันผวนรายสัปดาห์ ลดลง 2,750 ราย สู่ระดับ 213,250 รายในสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนธ.ค.2512
สำหรับจำนวนชาวอเมริกันที่ยังคงขอรับสวัสดิการว่างงานต่อเนื่องในรอบสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 5 พ.ค. มีจำนวนลดลง 87,000 ราย อยู่ที่ระดับ 1.71 ล้านราย ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนธ.ค.2512
ส่วนตัวเลขค่าเฉลี่ย 4 สัปดาห์ของจำนวนชาวอเมริกันที่ยื่นขอสวัสดิการว่างงานอย่างต่อเนื่อง ลดลง 39,750 ราย สู่ระดับ 1.77 ล้านราย ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนธ.ค.2516
นอกจากนี้ นักลงทุนยังจับตาการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐและจีนที่กำลังดำเนินไปในสัปดาห์นี้